พื้นฐานการเขียนอักษรจีน ลำดับขีด Stroke Order ที่มือใหม่ต้องรู้

by admin

 

 

 

สวัสดีค่ะนักเรียนทุกคนที่กำลังเริ่มต้นเส้นทาง เรียนภาษาจีน นะคะ ในฐานะเหล่าซือ (老师, lǎoshī – คุณครู) วันนี้จะมาไขข้อข้องใจเรื่องที่สำคัญที่สุดเรื่องหนึ่งในการ เขียนอักษรจีน นั่นก็คือ “ลำดับขีด” หรือ Stroke Order ค่ะ หลายคนอาจจะมองว่าการคัดอักษรจีนเป็นเรื่องน่าปวดหัว จะเริ่มขีดเส้นไหนก่อนหลังดีนะ? แต่เชื่อเหล่าซือเถอะค่ะว่าเมื่อเข้าใจหลักการแล้ว โลกของการ คัดจีน จะง่ายและสนุกขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ

ทำไมลำดับขีดถึงเป็นหัวใจของการเขียนอักษรจีน?

ลองจินตนาการว่าเรากำลังจะสร้างบ้านสักหลังนะคะ การเรียนเขียนอักษรจีนก็ไม่ต่างกันเลยค่ะ และลำดับขีด (笔顺, bǐshùn) ก็เปรียบเสมือน “พิมพ์เขียว” ของบ้านหลังนั้น หากเราสร้างบ้านโดยไม่มีพิมพ์เขียว โครงสร้างก็อาจจะเบี้ยว ไม่แข็งแรง และใช้เวลาสร้างนานกว่าที่ควร เช่นเดียวกัน หากเราเขียนอักษรจีนโดยไม่สนใจลำดับขีด ตัวอักษรที่ได้ก็จะดูไม่สมส่วน เขียนช้า และที่สำคัญคือจำได้ยากค่ะ

 

การเรียนรู้ลำดับขีดที่ถูกต้องตั้งแต่เริ่มต้นจึงเป็นรากฐานที่สำคัญมาก และมีประโยชน์หลักๆ 3 ข้อ ดังนี้ค่ะ

  1. เขียนสวยและสมดุล: ลำดับขีดไม่ใช่กฎที่ใครก็ไม่รู้ตั้งขึ้นมาลอยๆ นะคะ แต่มันคือหลักการด้านสุนทรียศาสตร์ที่สืบทอดกันมานับพันปี การเขียนตามลำดับที่ถูกต้องจะช่วยจัดวางองค์ประกอบต่างๆ ของตัวอักษรให้อยู่ในตำแหน่งและสัดส่วนที่เหมาะสม ทำให้ตัวอักษรที่เราเขียนออกมาดูสวยงาม สมดุล และน่าอ่าน เหมือนกับงานศิลปะเลยค่ะ
  2. เขียนเร็วและลื่นไหล: ลำดับขีดถูกออกแบบมาเพื่อลดการเคลื่อนไหวของมือที่ไม่จำเป็น ทำให้เราสามารถเขียนจากขีดหนึ่งไปยังอีกขีดหนึ่งได้อย่างเป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง เมื่อเราฝึกฝนจนคุ้นชิน สมองและกล้ามเนื้อมือจะจดจำลำดับเหล่านี้ได้เอง ทำให้กระบวนการเขียนเร็วขึ้นและลื่นไหลอย่างไม่น่าเชื่อค่ะ
  3. ช่วยในการจดจำและค้นหา: การเขียนอักษรตามลำดับที่ถูกต้องซ้ำๆ เป็นการเรียนรู้ผ่านการเคลื่อนไหวที่ช่วยตอกย้ำโครงสร้างของตัวอักษรนั้นๆ ในสมองของเรา ทำให้จำตัวอักษรได้แม่นยำขึ้น แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นในยุคดิจิทัล คือทักษะนี้จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับการใช้เทคโนโลยีค่ะ เวลาที่เราใช้นิ้วหรือสไตลัสเขียนตัวอักษรจีนบนหน้าจอสมาร์ทโฟนหรือแท็บเล็ต ระบบซอฟต์แวร์จะจดจำและประมวลผลตัวอักษรโดยอิงจากลำดับขีดมาตรฐาน หากเราเขียนผิดลำดับไปมาก ระบบอาจจะไม่เข้าใจและหาตัวอักษรที่เราต้องการไม่เจอได้ค่ะ จะเห็นได้ว่าลำดับขีดไม่ใช่แค่เรื่องของความสวยงามแบบโบราณ แต่เป็นทักษะที่จำเป็นและทันสมัยมากๆ สำหรับผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 ค่ะ

 

กฎทอง 7 ข้อ หลักการเขียนตามลำดับขีด

เอาล่ะค่ะ มาถึงส่วนที่ทุกคนรอคอย นั่นก็คือ “กฎทอง 7 ข้อ” ของการเขียนอักษรจีน เหล่าซืออยากให้มองว่ากฎเหล่านี้เป็น “หลักการนำทาง” ที่ใช้ได้กับอักษรจีนส่วนใหญ่ ไม่ใช่กฎเหล็กที่ตายตัวเสมอไปนะคะ เพราะบางครั้งอักษรที่ซับซ้อนก็อาจจะต้องใช้หลายกฎผสมกัน แต่สำหรับ ภาษาจีนเบื้องต้น การจำ 7 ข้อนี้ได้ก็ถือว่าครอบคลุมและเพียงพอแล้วค่ะ

  1. บนลงล่าง (从上到下, cóng shàng dào xià)
    • หลักการ: เขียนเส้นที่อยู่ด้านบนสุดของตัวอักษรก่อน แล้วค่อยๆ ไล่เขียนลงมายังเส้นที่อยู่ด้านล่าง
    • ตัวอย่าง:
      • (sān – สาม): เขียนเส้นขวางบนสุดก่อน ตามด้วยเส้นกลาง และเส้นล่างสุด
      • (gōng – งาน): เขียนเส้นขวางบนก่อน ตามด้วยเส้นตั้ง และปิดท้ายด้วยเส้นขวางล่าง
    • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: กฎข้อนี้เป็นกฎพื้นฐานที่สุดเลยค่ะ เหมือนการอ่านหนังสือที่เราอ่านจากบนลงล่าง การเขียนก็ใช้ทิศทางเดียวกันเป็นหลักค่ะ
  2. ซ้ายไปขวา (从左到右, cóng zuǒ dào yòu)
    • หลักการ: สำหรับอักษรที่ดูเหมือนมีสองส่วนประกอบกัน (ซ้าย-ขวา) ให้เราเขียนส่วนประกอบทางด้านซ้ายให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน แล้วจึงค่อยเริ่มเขียนส่วนประกอบทางด้านขวา
    • ตัวอย่าง:
      • (nǐ – คุณ): เขียนส่วนประกอบด้านซ้ายคือ 亻 (คน) ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยเขียนส่วน 尔 ด้านขวา
      • (hǎo – ดี): เขียนส่วนประกอบ (ผู้หญิง) ด้านซ้ายให้เสร็จก่อน แล้วจึงเขียนส่วน (เด็ก) ด้านขวา
    • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: ให้นึกถึงการอ่านหนังสือในภาษาไทยหรืออังกฤษเลยค่ะ เราอ่านจากซ้ายไปขวา การเขียนส่วนประกอบของอักษรจีนก็ใช้หลักการเดียวกันนี้ค่ะ
  3. ขวางก่อนตั้ง (先横后竖, xiān héng hòu shù)
    • หลักการ: เมื่อมีเส้นแนวนอน (ขวาง) และเส้นแนวตั้ง (ตั้ง) ตัดกัน ให้เขียนเส้นแนวนอนก่อนเสมอ
    • ตัวอย่าง:
      • (shí – สิบ): เขียนเส้นขวาง ก่อน แล้วจึงลากเส้นตั้ง 丨 ตัดลงมา
      • (wáng – กษัตริย์): เริ่มจากเส้นขวางบนสุด เส้นขวางกลาง เส้นตั้ง แล้วค่อยปิดด้วยเส้นขวางล่างสุด (ซึ่งเป็นไปตามกฎบนลงล่างด้วย)
    • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: กฎข้อนี้สำคัญมากในการสร้างโครงสร้าง “กากบาท” ที่มั่นคง ซึ่งเป็นโครงสร้างที่พบเจอบ่อยมากๆ ใน อักษรจีนพื้นฐาน ค่ะ
  4. ลากซ้ายก่อนลากขวา (先撇后捺, xiān piě hòu nà)
    • หลักการ: เมื่อมีเส้นลากเฉียงไปทางซ้าย (เรียกว่า , piě) และเส้นลากเฉียงไปทางขวา (เรียกว่า 捺, nà) อยู่คู่กัน ให้เขียนเส้นลากซ้ายก่อนเสมอ
    • ตัวอย่าง:
      • (rén – คน): เขียนเส้นลากซ้ายก่อน แล้วค่อยเขียนเส้นลากขวา
      • (bā – แปด): เขียนเส้นลากซ้ายก่อนเช่นกัน แล้วตามด้วยเส้นลากขวา
    • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: การเขียนแบบนี้เป็นการเคลื่อนไหวที่เป็นธรรมชาติ เหมือนการกางพัดออก ทำให้เขียนได้เร็วและตัวอักษรที่ได้ก็ดูสมดุลสวยงามค่ะ
  5. นอกเข้าใน (从外到内, cóng wài dào nèi)
    • หลักการ: สำหรับอักษรที่มีลักษณะเป็นกรอบล้อมรอบ (แต่ไม่ปิดสนิททุกด้าน) ให้เขียนส่วนที่เป็นกรอบด้านนอกก่อน แล้วค่อยเติมส่วนประกอบที่อยู่ด้านใน
    • ตัวอย่าง:
      • (yuè – พระจันทร์): เขียนกรอบนอกด้านซ้าย บน และขวาก่อน แล้วค่อยเติมเส้นขวางสองเส้นข้างใน
      • (tóng – เหมือนกัน): เขียนกรอบนอกก่อน แล้วค่อยเติมส่วนประกอบข้างใน
    • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: กฎข้อนี้มักจะสับสนกับข้อถัดไป ให้จำง่ายๆ ว่ากฎนี้ใช้กับ “กรอบที่เปิดอยู่” เหมือนเราสร้างกำแพงบ้านก่อน แล้วค่อยเอาเฟอร์นิเจอร์เข้าไปวางค่ะ
  6. เข้าในแล้วปิด (先进后关, xiān jìn hòu guān)
    • หลักการ: สำหรับอักษรที่มีกรอบล้อมรอบแบบ “ปิดสนิท” ให้เขียนกรอบด้านนอก (ส่วนใหญ่คือเส้นตั้งซ้ายและเส้นขวางต่อด้วยหักลงทางขวา) เติมทุกอย่างข้างในให้ครบถ้วน แล้วจึงเขียนเส้นสุดท้ายเพื่อ “ปิดประตู”
    • ตัวอย่าง:
      • (huí – กลับ): เขียนกรอบนอกใหญ่ก่อน เขียนกรอบเล็กข้างใน แล้วค่อยลากเส้นขวางล่างสุดเพื่อปิดกรอบใหญ่
      • (guó – ประเทศ): เขียนกรอบนอก เติมตัว (หยก) ข้างในให้เสร็จ แล้วจึงลากเส้นขวางล่างสุดเพื่อปิดกรอบ
    • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: กฎข้อนี้เป็นกฎที่เขียนแล้วรู้สึกฟินที่สุดค่ะ! เหมือนเราสร้างบ้านเสร็จแล้วปิดหลังคา การลากเส้นปิดสุดท้ายเป็นการบอกว่า “เสร็จสมบูรณ์แล้ว”
  7. กลางก่อนซ้ายขวา (先中间后两边, xiān zhōngjiān hòu liǎngbiān)
    • หลักการ: สำหรับอักษรที่มีลักษณะสมมาตรและมีเส้นแกนกลางที่โดดเด่น ให้เขียนเส้นกลางนั้นก่อน แล้วค่อยเติมส่วนที่เป็น “ปีก” ด้านซ้ายและด้านขวาตามลำดับ
    • ตัวอย่าง:
      • (xiǎo – เล็ก): เขียนเส้นตั้งมีตะขอตรงกลางก่อน แล้วค่อยเติมจุดซ้ายและจุดขวา
      • (shuǐ – น้ำ): เขียนเส้นตั้งมีตะขอตรงกลางก่อน แล้วตามด้วยเส้นลากซ้าย และปิดท้ายด้วยเส้นลากขวา
    • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: กฎข้อนี้ช่วยสร้างความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบให้กับตัวอักษร การสร้าง “กระดูกสันหลัง” ของตัวอักษรก่อนจะทำให้เราเติมส่วนซ้ายขวาได้อย่างสมดุลค่ะ ในบางครั้งกฎข้อนี้จะมีความสำคัญมาก่อนกฎ “บนลงล่าง” สำหรับขีดแรกค่ะ

 

รู้จักเส้นขีดพื้นฐาน ตัวต่อเลโก้ของอักษรจีน

ก่อนที่เราจะไปฝึกเขียนกันจริงจัง เรามาทำความรู้จักกับหน่วยที่เล็กที่สุดของอักษรจีนกันก่อน นั่นก็คือ “เส้นขีด” (笔画, bǐhuà) ค่ะ ให้นึกภาพตัวต่อเลโก้ ไม่ว่าเราจะต่อเป็นปราสาทที่ใหญ่โตแค่ไหน มันก็ล้วนประกอบขึ้นจากตัวต่อชิ้นเล็กๆ ทั้งสิ้น อักษรจีนก็เช่นกันค่ะ ไม่ว่าจะดูซับซ้อนเพียงใด ก็ล้วนสร้างขึ้นจากเส้นขีดพื้นฐานไม่กี่แบบ

ในความเป็นจริงแล้ว เส้นขีดในภาษาจีนมีมากกว่า 30 แบบ แต่ข่าวดีก็คือ เส้นขีดที่ซับซ้อนเหล่านั้นส่วนใหญ่เป็นการผสมผสานหรือดัดแปลงมาจากเส้นขีดพื้นฐานเพียงไม่กี่แบบเท่านั้น ในวันนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับ เส้นขีดพื้นฐาน 6 แบบ และเส้นผสมที่พบบ่อยอีก 2 แบบ ซึ่งเปรียบเสมือน “แม่สี” ของการเขียนอักษรจีนกันค่ะ การรู้จัก 8 เส้นนี้จะทำให้การเรียนรู้เส้นอื่นๆ ในอนาคตง่ายขึ้นมากค่ะ

1. จุด (, diǎn)

  • คำอธิบาย: เป็นเส้นแต้มสั้นๆ ลากลงจากบนลงล่าง อาจจะตรงหรือเฉียงไปทางซ้าย/ขวาก็ได้ค่ะ เปรียบเสมือนการแตะพู่กันลงบนกระดาษเบาๆ
  • พบได้ในอักษร: (zhǔ – หลัก), (wén – ภาษา)

2. ขวาง (, héng)

  • คำอธิบาย: เป็นเส้นตรงแนวนอนที่ลากจากซ้ายไปขวา เป็นหนึ่งในเส้นที่เจอบ่อยที่สุดเลยค่ะ
  • พบได้ในอักษร: (yī – หนึ่ง), (sān – สาม), 工 (gōng – งาน)

3. ตั้ง (, shù)

  • คำอธิบาย: เป็นเส้นตรงแนวตั้งที่ลากจากบนลงล่าง
  • พบได้ในอักษร: (shí – สิบ), (zhōng – กลาง)

4. ลากซ้าย (, piě)

  • คำอธิบาย: เป็นเส้นที่ลากเฉียงจากบนขวาลงมาทางซ้ายล่าง โดยปกติจะปล่อยน้ำหนักตอนปลายเส้นให้แหลม
  • พบได้ในอักษร: (rén – คน), (bā – แปด)

5. ลากขวา (捺, nà)

  • คำอธิบาย: เป็นเส้นที่ลากเฉียงจากบนซ้ายลงมาทางขวาล่าง มักจะเขียนคู่กับเส้นลากซ้าย () และจะลงน้ำหนักที่ปลายเส้นให้หนาขึ้นเล็กน้อยก่อนจะปล่อยปลายพู่กัน
  • พบได้ในอักษร: (rén – คน), (dà – ใหญ่)

6. ยกขึ้น (, tí)

  • คำอธิบาย: เป็นเส้นที่ตวัดสั้นๆ จากล่างซ้ายเฉียงขึ้นไปทางขวา เป็นการตวัดเส้นสั้นๆ จากล่างซ้ายเฉียงขึ้นไปทางขวาอย่างรวดเร็ว คล้ายกับการยกพู่กันขึ้น
  • พบได้ในอักษร: (bīng – น้ำแข็ง), (dì – ดิน)

7. หัก (, zhé)

  • คำอธิบาย: นี่คือเส้นผสมที่เกิดจากการเปลี่ยนทิศทางในการลากเพียงครั้งเดียวโดยไม่ยกพู่กัน ที่เจอบ่อยที่สุดคือ เส้นขวางหักลง (横折, héngzhé) ที่ลากจากซ้ายไปขวาแล้วหักลงตรงๆ และ เส้นตั้งหักขวาง (竖折, shùzhé) ที่ลากจากบนลงล่างแล้วหักไปทางขวา
  • พบได้ในอักษร: (kǒu – ปาก), (shān – ภูเขา)

8. ตะขอ (, gōu)

  • คำอธิบาย: นี่ก็เป็นเส้นผสมอีกแบบหนึ่งค่ะ คือการเติม “ตะขอ” เล็กๆ ตวัดขึ้นที่ปลายของเส้นขีดอื่น ที่เจอบ่อยคือ เส้นตั้งมีตะขอ (竖钩, shùgōu) และ เส้นโค้งมีตะขอ (弯钩, wāngōu)
  • พบได้ในอักษร: (xiǎo – เล็ก), (shuǐ – น้ำ)

 

ลองฝึกเขียนตัวอย่างลำดับขีดจากอักษรจริง

ทฤษฎีแน่นแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือปฏิบัติค่ะ! วิธีที่ดีที่สุดในการทำความเข้าใจกฎต่างๆ คือการนำไปใช้กับตัวอักษรจริง เรามาลองฝึกเขียนไปพร้อมๆ กันนะคะ

ตัวอย่างที่ 1 อักษรต้นแบบแห่งการฝึกฝน – 永 (yǒng – ตลอดไป)

ตัวอักษรตัวนี้โด่งดังมากในแวดวงการเขียนพู่กันจีน มีหลักการที่เรียกว่า “แปดหลักการแห่งอักษรหย่ง” (永字八法, yǒngzì bāfǎ) ซึ่งเชื่อกันว่า หากใครสามารถเขียนอักษร 永 ได้อย่างสวยงาม ก็จะสามารถเขียนอักษรจีนทุกตัวได้ดี เพราะมันได้รวบรวมเอา “เทคนิค” การลากเส้นพื้นฐานที่สำคัญเอาไว้ครบถ้วน แม้ว่าตัวอักษรนี้จะมีเพียง 5 ขีด เท่านั้น

  • จุด (, diǎn): จุดด้านบนสุด
  • ขวาง-หัก-ตะขอ (横折钩, héngzhégōu): เส้นที่สองที่เป็นกรอบด้านบนขวา
  • ลากซ้าย (, piě): เส้นที่ลากเฉียงลงมาทางซ้าย (เขียนก่อนเส้นตั้ง!)
  • ตั้ง (, shù): เส้นแนวตั้งที่ลากผ่านกลาง
  • ลากขวา (捺, nà): เส้นสุดท้ายที่ลากเฉียงลงมาทางขวา

ตัวอย่างที่ 2 ความสมมาตรที่สวยงาม – (huǒ – ไฟ)

อักษรตัวนี้เป็นตัวอย่างที่ดีของการใช้กฎ “บนลงล่าง” และเป็นตัวที่ผู้เริ่มต้นมักเขียนผิดลำดับบ่อยที่สุดตัวหนึ่งเลยค่ะ หลายคนมักจะเขียนส่วนที่คล้ายตัว (rén) ก่อน แต่จริงๆ แล้วเราต้องเขียนจุดเล็กๆ ที่เหมือน “ปีก” ด้านบนให้เสร็จก่อนค่ะ

  • ขีดที่ 1: จุดด้านซ้าย (, diǎn) เริ่มต้นด้วยการเขียนจุด หรือเส้นลากซ้ายสั้นๆ (短撇, duǎn piě) ทางด้านซ้ายบน
  • ขีดที่ 2: จุดด้านขวา (, diǎn) เขียนจุดที่สมมาตรกันทางด้านขวา (ใช้กฎซ้ายไปขวาสำหรับส่วนประกอบด้านบนนี้)
  • ขีดที่ 3: เส้นลากซ้ายยาว (, piě) เมื่อเขียนส่วนบนเสร็จแล้ว จึงเริ่มเขียนส่วนล่าง โดยเริ่มจากเส้นลากยาวไปทางซ้าย
  • ขีดที่ 4: เส้นลากขวา (捺, nà) ปิดท้ายด้วยเส้นลากขวาที่สมมาตรกันเพื่อทำให้ตัวอักษรสมบูรณ์
  • ข้อสังเกตจากเหล่าซือ: ลำดับที่ถูกต้องคือ จุดซ้าย -> จุดขวา -> ลากซ้ายกลาง -> ลากขวา นะคะ! ให้นึกภาพว่าเรากำลังสร้างส่วนบนของกองไฟ (ประกายไฟเล็กๆ) ก่อน แล้วค่อยสร้างตัวฐานของไฟตามมาทีหลังค่ะ นี่เป็นตัวอย่างชั้นเยี่ยมที่แสดงให้เห็นว่าบางครั้งเราต้องมองภาพรวมของอักษรเพื่อดูก่อนว่าส่วนไหนคือ “บน” ส่วนไหนคือ “ล่าง” ค่ะ

ตัวอย่างที่ 3: การสร้างบ้าน – (guó – ประเทศ)

ตัวอักษรนี้คือตัวแทนของกฎ “เข้าในแล้วปิด” (先进后关) ที่ชัดเจนที่สุดค่ะ

  • ขีดที่ 1: เส้นตั้ง (, shù) ด้านซ้ายของกรอบ
  • ขีดที่ 2: เส้นขวางหักลง (横折, héngzhé) เพื่อสร้างกำแพงด้านบนและด้านขวา
  • ขีดที่ 3-7: เขียนส่วนประกอบ (yù – หยก) ที่อยู่ด้านในให้ครบทุกขีด
  • ขีดที่ 8: เส้นขวาง (, héng) เส้นสุดท้ายเพื่อ “ปิดประตู” ด้านล่าง
  • ตัวอักษร เป็นตัวย่อของอักษรดั้งเดิมคือ 國 ส่วนประกอบที่อยู่ข้างในคือ (huò) ซึ่งมีความหมายเกี่ยวกับ “เขตแดน” และ “การปกป้องด้วยอาวุธ” ดังนั้น 國 จึงมีความหมายตรงตัวว่า “พื้นที่ที่มีเขตแดนและกองทัพป้องกัน” ซึ่งก็คือ “ประเทศ” นั่นเอง
  • ส่วนในตัวย่อ ได้เปลี่ยนส่วนประกอบข้างในเป็น (yù – หยก) ซึ่งอาจจะตีความได้ว่า “ประเทศคือดินแดนที่เต็มไปด้วยทรัพยากรล้ำค่าดั่งหยก”

ก้าวแรกสู่การเขียนอักษรจีนอย่างมั่นใจ

เป็นอย่างไรกันบ้างคะ? จะเห็นว่าลำดับขีดไม่ใช่กฎที่ซับซ้อนน่ากลัว แต่เป็นระบบที่มีเหตุผลซึ่งออกแบบมาเพื่อช่วยให้เรา เขียนอักษรจีน ได้สวยขึ้น เร็วขึ้น และจำได้ง่ายขึ้น การเรียนรู้และฝึกฝนลำดับขีดจึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับผู้ที่อยากจะใช้ภาษาจีนได้อย่างคล่องแคล่วค่ะ

ไม่ต้องกังวลนะคะถ้าช่วงแรกๆ ยังจำกฎไม่ได้หรือไม่คล่องแคล่ว ขอแค่ฝึกฝน คัดจีน บ่อยๆ แล้วทุกอย่างจะกลายเป็นธรรมชาติไปเอง ดังที่คนจีนมีสำนวนว่า 熟能生巧 (shú néng shēng qiǎo) ซึ่งหมายถึง “ความชำนาญเกิดจากการฝึกฝน” ค่ะ

เพื่อช่วยให้นักเรียนทุกคนฝึกฝนได้ง่ายขึ้น เหล่าซือมี “เครื่องมือดิจิทัลคู่ใจ” มาแนะนำค่ะ

  • พจนานุกรมคู่ใจ: แอปพลิเคชัน Pleco คือเพื่อนที่ดีที่สุดของคนเรียนจีนค่ะ นอกจากจะเป็นพจนานุกรมที่ยอดเยี่ยมแล้ว เมื่อเราค้นหาคำศัพท์ใดๆ ก็ตาม แอปจะแสดงภาพเคลื่อนไหวลำดับขีดของตัวอักษรนั้นๆ ให้ดูได้ทันที เหมาะสำหรับพกติดตัวไว้เช็คคำศัพท์ได้ทุกที่ทุกเวลา
  • สมุดคัดดิจิทัล: แอปอย่าง Chinese Stroke Order (มีทั้งบน iOS และ Android) จะมีพื้นที่ให้เราได้ลองฝึกเขียนตามลำดับขีด และบางแอปยังสามารถตรวจจับความถูกต้องได้ด้วย เหมาะสำหรับการฝึกฝนอย่างจริงจัง

เหล่าซือขอแสดงความยินดีกับทุกคนที่ได้ก้าวผ่านบทเรียนสำคัญนี้ไปอีกขั้นนะคะ ขอให้ทุกคนสนุกกับการฝึกฝนและมั่นใจในการเขียนอักษรจีนที่สวยงามของตัวเอง แล้วพบกันใหม่ในบทความหน้านะคะ 加油 (jiāyóu)!

You may also like