เมื่อเอ่ยถึงคำว่า “ฮวงจุ้ย” หลายคนอาจนึกถึงความเชื่อโบราณหรือเรื่องราวลี้ลับ แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฮวงจุ้ยคือศาสตร์และศิลป์อันลึกซึ้งของจีนที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าหลายพันปี แก่นแท้ของฮวงจุ้ยไม่ได้จำกัดอยู่แค่การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่คือปรัชญาของการใช้ชีวิตอย่างกลมกลืนกับสภาพแวดล้อม ชื่อของศาสตร์นี้มาจากคำสองคำคือ “ฮวง” (風, fēng) ที่แปลว่า ลม และ “จุ้ย” (水, shuǐ) ที่แปลว่า น้ำ ลมและน้ำคือสองพลังงานตามธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่และเป็นตัวนำพากระแสพลังงานที่มองไม่เห็นซึ่งไหลเวียนอยู่รอบตัวเรา
เป้าหมายสูงสุดของฮวงจุ้ยคือการจัดวางและปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม ทั้งที่อยู่อาศัยและที่ทำงาน เพื่อสร้างสมดุลและส่งเสริมการไหลเวียนของพลังงานที่ดี หรือที่เรียกว่า “ชี่” (Qi) การทำเช่นนี้เชื่อว่าจะนำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง สุขภาพที่แข็งแรง และความสำเร็จในชีวิต แม้จะดูเป็นเรื่องของความเชื่อ แต่หากมองให้ลึกลงไป ฮวงจุ้ยก็คือ “ภูมิลักษณ์พยากรณ์” (Geomancy) หรือศาสตร์ที่ว่าด้วยการทำความเข้าใจผลกระทบของสภาพแวดล้อมที่มีต่อจิตใจและร่างกายของมนุษย์ ในโลกที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ศาสตร์แห่งการจัดวางนี้มอบเครื่องมือที่จับต้องได้ให้มนุษย์รู้สึกว่าสามารถควบคุมชะตาชีวิตของตนเองได้ผ่านการปรับเปลี่ยนพื้นที่รอบตัว ซึ่งเป็นกลไกทางจิตวิทยาที่ช่วยสร้างความมั่นคงและความสงบสุขในใจได้อย่างน่าทึ่ง
รากฐานแห่งความรุ่งเรือง ทำไมฮวงจุ้ยจึงเป็นหัวใจของวัฒนธรรมจีน
ความสำคัญของฮวงจุ้ยที่ฝังรากลึกในวัฒนธรรมจีนไม่ได้เกิดขึ้นจากความงมงาย แต่เป็นผลพวงของวิวัฒนาการทางประวัติศาสตร์ที่สั่งสมมานับพันปี ตั้งแต่ภูมิปัญญาเพื่อการอยู่รอดไปจนถึงเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ของจักรพรรดิ
จากภูมิปัญญาเพื่อการอยู่รอดสู่ศาสตร์แห่งการตั้งถิ่นฐาน
ในยุคแรกเริ่ม ฮวงจุ้ยไม่ได้เป็นศาสตร์ที่ซับซ้อน แต่เป็นองค์ความรู้ที่จำเป็นต่อการเอาชีวิตรอด ย้อนกลับไปในสมัยราชวงศ์เซี่ย (ประมาณ 2,100 ปีก่อนคริสตกาล) ผู้คนยังใช้ชีวิตแบบเร่ร่อน การเลือกทำเลที่ตั้งถิ่นฐานจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด นักปราชญ์ในยุคนั้นจะทำหน้าที่สำรวจ “ชัยภูมิ” (ทำเลที่ตั้ง) ที่เหมาะสม โดยพิจารณาจากปัจจัยทางธรรมชาติอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นความอุดมสมบูรณ์ของดินและพืชพรรณ ทิศทางของกระแสน้ำและลม หรือแม้กระทั่งสุขภาพของสัตว์ในบริเวณนั้น เพื่อให้แน่ใจว่าสถานที่ดังกล่าวมี “พลังธรรมชาติ” ที่ดีเพียงพอต่อการเพาะปลูกและการดำรงชีวิต
หลักการพื้นฐานที่สำคัญที่สุดคือ “หลังพิงภูเขา หน้าหันน้ำ” โดยภูเขาด้านหลังทำหน้าที่เป็นกำแพงธรรมชาติที่มั่นคง ช่วยป้องกันลมหนาวและศัตรู ส่วนแม่น้ำด้านหน้าเป็นแหล่งน้ำสำหรับการเกษตรและอุปโภคบริโภค นี่คือรากฐานที่แสดงให้เห็นว่าฮวงจุ้ยถือกำเนิดขึ้นจากหลักเหตุผลและการสังเกตธรรมชาติอย่างแท้จริง
จากศาสตร์ของปวงชนสู่กลยุทธ์แห่งอำนาจของจักรพรรดิ
เมื่อเวลาผ่านไป ฮวงจุ้ยได้พัฒนาจากองค์ความรู้พื้นบ้านกลายเป็นศาสตร์ชั้นสูงของราชสำนัก โดยเฉพาะในสมัยราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสตกาล) ศาสตร์นี้ถูกกำหนดให้เป็นวิชาแห่งชาติและสงวนไว้สำหรับชนชั้นสูงเท่านั้น จักรพรรดิใช้ฮวงจุ้ยเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ในการสร้างความมั่นคงและเสริมสร้างบารมีของอาณาจักร ตั้งแต่การเลือกที่ตั้งเมืองหลวง พระราชวัง ไปจนถึงสุสานหลวง เพื่อให้แน่ใจว่าราชวงศ์จะเจริญรุ่งเรืองและสืบทอดอำนาจต่อไปอย่างยาวนาน สถาปัตยกรรมที่ยิ่งใหญ่อย่างพระราชวังต้องห้ามและกำแพงเมืองจีน ล้วนเป็นตัวอย่างของการนำหลักฮวงจุ้ยมาประยุกต์ใช้ในระดับมหภาคเพื่อการป้องกันประเทศและเสริมสร้างอำนาจ
องค์ความรู้เหล่านี้มักถูกเก็บเป็นความลับสุดยอด ถ่ายทอดกันเฉพาะในหมู่ราชสำนักหรือตระกูลผู้เชี่ยวชาญ ดังคำกล่าวที่ว่า “ความลับสวรรค์ มิอาจเปิดเผยได้” การผูกขาดความรู้โดยชนชั้นปกครองนี้เองที่ทำให้อำนาจของฮวงจุ้ยดูศักดิ์สิทธิ์และทรงอิทธิพลยิ่งขึ้นในสายตาของสามัญชน เมื่อความรู้ “ลับ” นี้ค่อยๆ แพร่หลายสู่ภายนอก มันจึงมาพร้อมกับบารมีและความน่าเชื่อถือที่ได้รับการรับรองโดยอำนาจของจักรพรรดิ ก่อให้เกิดวงจรที่ว่า “ฮวงจุ้ยทรงพลังเพราะจักรพรรดิใช้ และอำนาจของจักรพรรดิก็เป็นข้อพิสูจน์ถึงความขลังของฮวงจุ้ย”
จากประวัติศาสตร์สู่รากฐานทางวัฒนธรรมและจิตใจ
ในปัจจุบัน ฮวงจุ้ยได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับปรัชญาและวิถีชีวิตของชาวจีนอย่างแยกไม่ออก ผ่านความเชื่อในลัทธิเต๋า หลักหยินหยาง และประเพณีการไหว้บรรพบุรุษ ในทางจิตวิทยา การปฏิบัติตามหลักฮวงจุ้ยช่วยสร้างความรู้สึกมั่นคงและปลอดภัย ทำให้ผู้คนรู้สึกว่าตนเองสามารถควบคุมปัจจัยที่มองไม่เห็นและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้กับชีวิตได้ นอกจากนี้ การที่ศาสตร์นี้ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น และการได้เห็นความสำเร็จของธุรกิจหรือครอบครัวที่ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอย่างฮ่องกง ซึ่งมีตึกระฟ้าจำนวนมากที่ออกแบบตามหลักฮวงจุ้ย ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำและเสริมสร้างความเชื่อให้แข็งแกร่งและแพร่หลายยิ่งขึ้น
หลักการหัวใจ: ถอดรหัสภาษาแห่งพลังงาน
การทำความเข้าใจฮวงจุ้ยให้ถ่องแท้จำเป็นต้องรู้จักเสาหลัก 4 ประการที่เป็นแก่นของทฤษฎี ซึ่งเปรียบเสมือนการเรียนรู้ภาษาเพื่อสื่อสารกับพลังงานรอบตัวเรา
1. ชี่ (氣): ลมหายใจแห่งจักรวาล (พลังปราณแห่งชีวิต)
ชี่ (สำเนียงจีนกลาง) หรือ ขี่ (สำเนียงแต้จิ๋ว) คือพลังงานชีวิตที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ไหลเวียนอยู่ในทุกสรรพสิ่ง ทั้งในธรรมชาติและในร่างกายของมนุษย์ หัวใจของการควบคุมชี่สรุปได้ในประโยคเดียวว่า “ลมพัดฉี้กระจาย น้ำกักเก็บฉี้” ซึ่งหมายความว่าลมที่พัดแรงเกินไปจะทำให้พลังงานดีสลายไป ในขณะที่กระแสน้ำที่ไหลอย่างเหมาะสมจะช่วยรวบรวมและสะสมพลังงานดีไว้ นี่คือที่มาของชื่อ “ฮวงจุ้ย” นั่นเอง
ในทางฮวงจุ้ย พลังชี่แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักที่ต้องสอดประสานกัน:
- ชี่ฟ้า (Heaven Qi): พลังจากเบื้องบน เกี่ยวข้องกับโชคชะตาและกาลเวลา
- ชี่ดิน (Earth Qi): พลังจากสภาพแวดล้อม ชัยภูมิ และทิศทาง
- ชี่มนุษย์ (Human Qi): พลังงานในตัวบุคคล ซึ่งเกิดจากการกระทำและความคิด
การจัดฮวงจุ้ยที่ดีคือการสร้างสมดุลและจัดวางให้พลังงานทั้งสามประเภทนี้เกื้อหนุนซึ่งกันและกัน สถานที่ที่มีต้นไม้เขียวชอุ่ม อากาศบริสุทธิ์ และแหล่งน้ำที่สะอาด ถือเป็นบริเวณที่มีพลังชี่สมบูรณ์
2. หยิน-หยาง (陰陽): ปรัชญาแห่งความสมดุล
สัญลักษณ์หยิน-หยางคือตัวแทนของสัจธรรมที่ว่าทุกสิ่งในจักรวาลประกอบด้วยสองขั้วที่ตรงข้ามกันแต่เกื้อกูลและขาดกันไม่ได้ การสร้างสมดุลไม่ได้หมายถึงการทำให้ทั้งสองฝ่ายเท่ากัน แต่คือการสร้างสภาวะที่เหมาะสมกับหน้าที่ของพื้นที่นั้นๆ
- หยิน (陰): ตัวแทนของพลังแห่งความสงบ สื่อถึงเพศหญิง ความมืด ความเย็น การพักผ่อน และความนิ่ง เช่น ห้องนอนหรือสถานที่ปฏิบัติธรรม
- หยาง (陽): ตัวแทนของพลังแห่งการเคลื่อนไหว สื่อถึงเพศชาย แสงสว่าง ความร้อน กิจกรรม และความกระตือรือร้น เช่น ห้องทำงานหรือห้องรับแขก
ความสัมพันธ์ของหยินและหยางอยู่ภายใต้กฎ 4 ข้อ คือ เป็นขั้วตรงข้าม, พึ่งพาอาศัยกัน, เพิ่มและลดอยู่เสมอ (ฝ่ายหนึ่งเพิ่ม อีกฝ่ายจะลด), และสามารถแปรเปลี่ยนเป็นอีกฝ่ายได้เมื่อถึงจุดสุดขั้ว
3. เบญจธาตุ (五行, Wǔ Xíng): วัฏจักรแห่งธรรมชาติ
เบญจธาตุคือระบบที่จำแนกพลังงานในธรรมชาติออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่ ไม้ (木), ไฟ (火), ดิน (土), ทอง (金), และ น้ำ (水) ธาตุทั้งห้ามีความสัมพันธ์กันใน 2 วัฏจักรหลัก ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับแก้และเสริมฮวงจุ้ย
- วัฏจักรก่อเกิด (ส่งเสริม): เป็นวงจรที่ธาตุหนึ่งให้กำเนิดอีกธาตุหนึ่ง ใช้เพื่อเสริมพลังในส่วนที่ขาด
- น้ำ ให้กำเนิด ไม้ (น้ำรดต้นไม้ให้เติบโต)
- ไม้ ให้กำเนิด ไฟ (ไม้เป็นเชื้อเพลิง)
- ไฟ ให้กำเนิด ดิน (ไฟเผาสิ่งต่างๆ กลายเป็นเถ้าถ่าน)
- ดิน ให้กำเนิด ทอง (แร่ธาตุและโลหะอยู่ในดิน)
- ทอง ให้กำเนิด น้ำ (โลหะหลอมเหลวหรือเกิดการควบแน่นเป็นหยดน้ำ)
- วัฏจักรควบคุม (พิฆาต): เป็นวงจรที่ธาตุหนึ่งควบคุมหรือทำลายอีกธาตุหนึ่ง ใช้เพื่อลดทอนพลังงานที่มากเกินไป
- น้ำ ควบคุม ไฟ (น้ำดับไฟ)
- ไฟ ควบคุม ทอง (ไฟหลอมละลายโลหะ)
- ทอง ควบคุม ไม้ (ขวานโลหะตัดไม้)
- ไม้ ควบคุม ดิน (รากไม้ชอนไชดิน)
- ดิน ควบคุม น้ำ (ดินสร้างเขื่อนกั้นน้ำ)
แต่ละธาตุยังมีความเชื่อมโยงกับสี รูปทรง และทิศทาง ซึ่งจะนำไปใช้ในการจัดวางอย่างละเอียดต่อไป
4. ปากว้า (八卦, Bāguà): แผนที่พลังงานแห่งชีวิต
ปากว้า หรือที่คนไทยคุ้นเคยในชื่อ “ยันต์แปดทิศ” หรือ “โป๊ยก่วย” คือแผนที่พลังงานที่แบ่งพื้นที่ออกเป็น 8 ส่วนรอบจุดศูนย์กลาง แต่ละส่วน (เรียกว่า “กว้า”) เป็นตัวแทนของทิศทาง ธาตุ และแง่มุมต่างๆ ในชีวิต เช่น ความมั่งคั่ง, ชื่อเสียง, ความรัก, ครอบครัว, สุขภาพ เป็นต้น ปากว้ามีต้นกำเนิดมาจากสัญลักษณ์ 8 ตัวที่จักรพรรดิฝูซีค้นพบจากการสังเกตธรรมชาติ
ในการใช้งาน ซินแสจะนำแผนที่ปากว้ามาทาบลงบนแปลนบ้านหรือห้อง เพื่อวิเคราะห์ว่าพื้นที่ส่วนใดของบ้านส่งผลกระทบต่อด้านใดของชีวิต และจะแก้ไขหรือส่งเสริมพลังงานในบริเวณนั้นๆ ได้อย่างไร
สัญลักษณ์ | ชื่อจีน | พินอิน | คำอ่าน | ทิศ | ธาตุ | ความหมาย/ตัวแทน |
☰ | 乾 | qián | เฉียน | ตะวันตกเฉียงเหนือ | ทอง | ฟ้า, พ่อ, ผู้อุปถัมภ์, การเดินทาง |
☷ | 坤 | kūn | คุน | ตะวันตกเฉียงใต้ | ดิน | ดิน, แม่, ความรัก, ความสัมพันธ์ |
☳ | 震 | zhèn | เจิ้น | ตะวันออก | ไม้ | สายฟ้า, ลูกชายคนโต, สุขภาพ, ครอบครัว |
☴ | 巽 | xùn | ซวิ่น | ตะวันออกเฉียงใต้ | ไม้ | ลม, ลูกสาวคนโต, ความมั่งคั่ง, โชคลาภ |
坎 | 坎 | kǎn | ขั่น | เหนือ | น้ำ | น้ำ, ลูกชายคนกลาง, อาชีพ, การงาน |
☲ | 离 | lí | หลี | ใต้ | ไฟ | ไฟ, ลูกสาวคนกลาง, ชื่อเสียง, การยอมรับ |
☶ | 艮 | gèn | เกิ้น | ตะวันออกเฉียงเหนือ | ดิน | ภูเขา, ลูกชายคนเล็ก, ความรู้, การพัฒนาตนเอง |
☱ | 兑 | duì | ตุ้ย | ตะวันตก | ทอง | ทะเลสาบ, ลูกสาวคนเล็ก, ความคิดสร้างสรรค์, บุตร |
คู่มือฉบับปฏิบัติ ปลุกพลังฮวงจุ้ยดีในบ้านของคุณ
หลังจากเข้าใจหลักการพื้นฐานแล้ว ก็ถึงเวลานำทฤษฎีมาปรับใช้จริงในพื้นที่สำคัญของบ้าน เพื่อเปิดรับพลังงานบวกและความเจริญรุ่งเรือง
4.1 ประตูหน้าบ้าน: ปากทางแห่งพลังงาน
ประตูหน้าบ้านเปรียบเสมือน “ปาก” ที่คอยรับพลังงานชี่เข้าสู่บ้านทั้งหมด ดังนั้นจึงเป็นจุดที่สำคัญที่สุดในการจัดฮวงจุ้ย
- ตำแหน่งและขนาด: ประตูหน้าควรเป็นประตูบานที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน และควรเปิดเข้าด้านในเพื่อเป็นการ “ต้อนรับ” พลังงานดีเข้ามา ควรหลีกเลี่ยงการมีประตูหน้าตรงกับประตูหลัง เพราะจะทำให้พลังงานดีไหลเข้ามาแล้วออกไปทันทีเหมือนเงินทองที่เก็บไม่อยู่ และไม่ควรตรงกับบันได เพราะจะทำให้พลังงานที่เข้ามาไม่นิ่ง
- พื้นที่ต้องโปร่งโล่ง: บริเวณทั้งด้านในและด้านนอกของประตูหน้าต้องสะอาด สว่าง และไม่มีสิ่งของกีดขวาง เพื่อให้พลังงานชี่ไหลเวียนเข้าบ้านได้อย่างสะดวก
- เลือกสีตามทิศ (หลักเบญจธาตุ): การเลือกสีประตูให้สอดคล้องกับทิศที่ประตูหันหน้าไปจะช่วยเสริมพลังงานได้ดียิ่งขึ้น
- ทิศเหนือ (ธาตุน้ำ): สีฟ้า, น้ำเงิน, เทา, ดำ
- ทิศใต้ (ธาตุไฟ): สีแดง, ส้ม, ชมพู, ม่วง
- ทิศตะวันออก/ตะวันออกเฉียงใต้ (ธาตุไม้): สีเขียว, สีน้ำตาล, สีไม้ธรรมชาติ
- ทิศตะวันตก/ตะวันตกเฉียงเหนือ (ธาตุทอง): สีขาว, เทา, สีเมทัลลิก, สีทอง, สีครีม
- ของตกแต่งเรียกทรัพย์: ติดตั้งไฟให้สว่างไสว ประดับด้วยต้นไม้มงคลที่เขียวชอุ่ม หรือแขวนกระดิ่งลม (โมบาย) เพื่อช่วยกระจายพลังงานที่รุนแรงเกินไปในกรณีที่ประตูหันหน้าเข้าหาทางเดินยาวๆ
4.2 ห้องนอน: พื้นที่ฟื้นฟูพลังชีวิต
ห้องนอนคือพื้นที่สำหรับพักผ่อนและฟื้นฟูพลังงาน การจัดฮวงจุ้ยในห้องนอนจึงเน้นสร้างความสงบและมั่นคงเป็นหลัก
- ตำแหน่งเตียงนอนที่ถูกต้อง (Command Position): นี่คือกฎเหล็กของห้องนอน เตียงควรวางในตำแหน่งทแยงมุมกับประตูห้อง ทำให้เราสามารถมองเห็นผู้ที่เข้ามาในห้องได้ แต่ไม่ควรอยู่ตรงกับประตูพอดี หัวเตียงต้องชิดกับผนังทึบเพื่อสร้างความรู้สึกมั่นคงและได้รับการสนับสนุน ตำแหน่งนี้ช่วยลดความเครียดและความหวาดระแวงในระดับจิตใต้สำนึก ทำให้หลับได้สนิทขึ้น
- ข้อห้ามที่สำคัญ:
- ปลายเท้าชี้ไปที่ประตู: เป็นตำแหน่งที่เรียกว่า “ท่าโลงศพ” ถือเป็นตำแหน่งอัปมงคลที่สุด เพราะพลังงานจะพุ่งเข้าปะทะโดยตรง
- เตียงอยู่ใต้คานหรือเพดานลาดเอียง: พลังงานที่กดทับจากคานจะสร้างความเครียด อาจทำให้ปวดหัวหรือเจ็บป่วยในส่วนที่คานพาดผ่าน
- เตียงตรงกับกระจก: เชื่อว่ากระจกจะสะท้อนและรบกวนพลังวิญญาณขณะหลับ ทำให้พักผ่อนได้ไม่เต็มที่
- หัวเตียงติดหน้าต่าง: ขาดผนังทึบที่ให้การสนับสนุน ทำให้รู้สึกไม่มั่นคงและนอนหลับไม่สนิท
- เตียงติดผนังห้องน้ำ: พลังงานของห้องน้ำซึ่งมีการชะล้างและไหลออกตลอดเวลา อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้นอน
- สร้างความสมดุล: ควรมีโต๊ะข้างเตียงทั้งสองฝั่งเพื่อสร้างสมดุลในชีวิตคู่และความสัมพันธ์ และควรเคลียร์พื้นที่ใต้เตียงให้โล่งเพื่อให้พลังงานไหลเวียนได้ดี
4.3 ห้องทำงาน: พื้นที่แห่งความสำเร็จ
การจัดฮวงจุ้ยโต๊ะทำงานช่วยเสริมสร้างสมาธิ อำนาจ บารมี และเปิดรับโอกาสใหม่ๆ
- โต๊ะทำงานในตำแหน่งบัญชาการ (Command Position): เช่นเดียวกับเตียงนอน โต๊ะทำงานควรอยู่ในตำแหน่งที่มองเห็นประตู แต่ไม่ตรงกับประตู และที่สำคัญคือด้านหลังของผู้ที่นั่งทำงานควรเป็นผนังทึบ ซึ่งเปรียบเสมือน “เต่าดำ” ที่คอยให้การสนับสนุนจากผู้ใหญ่หรือหัวหน้างาน ทำให้ตำแหน่งการงานมั่นคง
- จัดระเบียบโต๊ะทำงาน (The Desktop Bagua):
- ฝั่งซ้าย (อำนาจ/ความรู้): เป็นตำแหน่งของ “มังกรเขียว” ควรวางของที่สูงกว่า เช่น จอคอมพิวเตอร์ โคมไฟ หรือกองเอกสารสำคัญ เพื่อเสริมอำนาจและบารมี
- ฝั่งขวา (ความคิดสร้างสรรค์/ความสัมพันธ์): เป็นตำแหน่งของ “เสือขาว” ควรวางของที่เตี้ยกว่า เช่น โทรศัพท์ อุปกรณ์เครื่องเขียน หรือต้นไม้เล็กๆ การวางรูปครอบครัวไว้ฝั่งนี้จะช่วยส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดี
- ด้านหน้า (โอกาส/อนาคต): ควรปล่อยให้โล่งและสะอาด เพื่อเปิดรับโอกาสใหม่ๆ ที่จะเข้ามา
- ด้านหลัง (การสนับสนุน): นอกจากผนังทึบแล้ว การเลือกใช้เก้าอี้ทำงานที่มีพนักพิงสูงและแข็งแรงก็ช่วยเสริมพลังแห่งการสนับสนุนได้เช่นกัน
- สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง: ห้ามนั่งหันหลังให้ประตูหรือหน้าต่าง (ขาดการสนับสนุน), ห้ามนั่งใต้คาน (ความกดดัน), และห้ามนั่งหันหน้าเข้าหามุมแหลมของเสาหรือเฟอร์นิเจอร์อื่น (พลังงานพิฆาต)
คำศัพท์และวลีที่ควรรู้
เพื่อความเข้าใจในศาสตร์ฮวงจุ้ยอย่างลึกซึ้ง การรู้จักคำศัพท์เฉพาะเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถศึกษาและนำไปปรับใช้ได้อย่างถูกต้อง
อักษรจีน | พินอิน | คำอ่านภาษาไทย | คำแปล/ความหมาย |
風水 | fēngshuǐ | เฟิงสุ่ย / ฮวงจุ้ย | ศาสตร์ว่าด้วยลมและน้ำ การจัดวางสภาพแวดล้อมเพื่อความสมดุล |
氣 | qì | ชี่ / ขี่ | พลังงานชีวิต, ลมปราณที่ไหลเวียนในทุกสรรพสิ่ง |
陰 | yīn | อิน / หยิน | พลังฝ่ายหญิง, ความมืด, ความเย็น, ความสงบนิ่ง |
陽 | yáng | หยาง / เอี๋ยง | พลังฝ่ายชาย, แสงสว่าง, ความร้อน, การเคลื่อนไหว |
五行 | wǔ xíng | อู่สิง / โหงวเฮ้ง | เบญจธาตุ หรือธาตุทั้ง 5 (ไม้, ไฟ, ดิน, ทอง, น้ำ) |
八卦 | bāguà | ปากว้า / โป๊ยก่วย | แผนที่พลังงาน 8 ทิศ หรือสัญลักษณ์ 8 ตัว |
木 | mù | มู่ / บั้ก | ธาตุไม้ |
火 | huǒ | ฮั่ว / ฮ่วย | ธาตุไฟ |
土 | tǔ | ถู่ / โท่ว | ธาตุดิน |
金 | jīn | จิน / กิม | ธาตุทอง (โลหะ) |
水 | shuǐ | สุ่ย / จุ้ย | ธาตุน้ำ |
先生 | xiānsheng | เซียนเซิง / ซินแส | อาจารย์, ผู้เชี่ยวชาญ (ในที่นี้หมายถึงผู้รู้ศาสตร์ฮวงจุ้ย) |