สอบ HSK ต้องเริ่มจากระดับ 1 ไหม? ต้องสอบ HSKK ด้วยหรือเปล่า? 2025

by admin

 

สอบข้ามระดับ HSK ได้หรือไม่?

คำตอบสั้นๆ ได้แน่นอน!

มาเริ่มต้นกันที่คำถามยอดฮิตที่ผู้เรียนภาษาจีนทุกคนอยากรู้ คำตอบที่ชัดเจนและยืนยันได้จากทุกแหล่งข้อมูลคือ ได้ครับ/ค่ะ! คุณสามารถเลือกสอบ HSK ระดับไหนก็ได้ที่คุณมั่นใจ โดยไม่จำเป็นต้องไต่ระดับตั้งแต่ 1, 2, 3…

กฎเกณฑ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงทฤษฎี แต่เป็นสิ่งที่ผู้สอบทั่วโลกปฏิบัติกันเป็นเรื่องปกติ จากการรวบรวมข้อมูลในฟอรัมผู้เรียนภาษาจีนนานาชาติอย่าง Reddit พบว่ามีผู้สอบจำนวนมากที่เริ่มต้นเส้นทาง HSK ของตนเองด้วยการสอบระดับ 5 โดยตรง เช่นเดียวกันกับในประเทศไทย จากกระทู้สนทนาในเว็บบอร์ด Pantip ก็มีผู้เรียนจำนวนมากที่ยืนยันว่าตนเองสอบข้ามระดับได้จริง บางคนเริ่มสอบครั้งแรกที่ HSK 3 หรือ HSK 4 เลยโดยไม่มีปัญหาใดๆ

หน่วยงานจัดสอบเองก็ไม่ได้กำหนดว่าผู้สอบต้องผ่านระดับต่ำกว่าก่อนจึงจะสามารถสมัครสอบในระดับที่สูงขึ้นได้ ดังนั้น หากคุณได้เรียนภาษาจีนมาสักระยะและประเมินแล้วว่าความสามารถของคุณสูงกว่าระดับเริ่มต้น คุณสามารถกระโดดไปสอบในระดับที่เหมาะสมกับตัวเองได้ทันที

 

ทำไมคุณถึงควร (หรือไม่ควร) ข้ามระดับ

แม้ว่ากฎจะอนุญาตให้ข้ามระดับได้ แต่การตัดสินใจว่าจะ “ข้าม” หรือ “ไม่ข้าม” ถือเป็นจุดเปลี่ยนทางกลยุทธ์ที่สำคัญซึ่งส่งผลต่อแผนการเรียนทั้งหมดของคุณ การเลือกเส้นทางนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของกฎระเบียบ แต่เป็นเรื่องของการชั่งน้ำหนักระหว่าง “ประสิทธิภาพ” และ “ความเสี่ยง”

เหตุผลที่ควรข้ามระดับ

  • ประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย : นี่คือเหตุผลหลักที่ผู้เรียนส่วนใหญ่เลือกข้ามระดับ การสอบแต่ละครั้งมีค่าใช้จ่ายและต้องใช้เวลาในการเตรียมตัว หากความรู้ของคุณเกินระดับ 1 และ 2 ไปแล้ว การสอบในระดับเหล่านั้นอาจไม่จำเป็นและเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ สถาบันการศึกษาหรือนายจ้างส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับใบรับรองระดับสูงสุดที่คุณได้รับเท่านั้น
  • ตอบโจทย์เป้าหมายที่ชัดเจน : ผู้เรียนจำนวนมากมีเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น การยื่นขอทุนการศึกษา หรือการสมัครเข้าเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่ประเทศจีน ซึ่งมักจะกำหนดเกณฑ์ HSK ขั้นต่ำไว้ที่ระดับ 4 หรือ 5 ในกรณีนี้ การพุ่งเป้าไปที่การสอบระดับเป้าหมายโดยตรงจึงเป็นกลยุทธ์ที่มีประสิทธิภาพที่สุด

เหตุผลที่ไม่ควรข้าม (หรือควรเริ่มในระดับที่ต่ำกว่าความสามารถสูงสุด)

  • สร้างความคุ้นเคยและลดความตื่นเต้น : สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในสนามสอบจริง การสอบในระดับที่ไม่ยากจนเกินไปอย่าง HSK 1 หรือ 2 อาจเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำความคุ้นเคยกับรูปแบบข้อสอบ การบริหารเวลา และบรรยากาศความกดดันในห้องสอบ ประสบการณ์นี้จะช่วยลดความประหม่าและสร้างความมั่นใจก่อนลงสนามจริงในระดับที่สูงขึ้น
  • ตรวจสอบพื้นฐานและอุดรอยรั่ว : จุดนี้สำคัญที่สุด คุณสามารถ “ข้ามการสอบ” ได้ แต่คุณ ห้าม “ข้ามการเรียนรู้” โดยเด็ดขาด ข้อผิดพลาดที่อันตรายที่สุดของการข้ามระดับคือการประเมินความสามารถของตนเองสูงเกินไป ซึ่งอาจนำไปสู่การสอบไม่ผ่านในระดับสูงเพราะมีช่องโหว่ในความรู้พื้นฐานด้านคำศัพท์และไวยากรณ์ที่จำเป็นจากระดับต้นๆ

การตัดสินใจข้ามระดับจึงเป็นการเดิมพันระหว่างเส้นทางที่ “รวดเร็ว” ซึ่งมาพร้อมความเสี่ยงที่จะล้มเหลวหากประเมินตนเองผิดพลาด กับเส้นทางที่ “ปลอดภัย” ซึ่งแม้จะใช้เวลาและค่าใช้จ่ายมากกว่า แต่ช่วยสร้างรากฐานที่มั่นคงและลดความวิตกกังวลในวันสอบ การเลือกทางใดขึ้นอยู่กับเป้าหมาย งบประมาณ กรอบเวลา และความมั่นใจของผู้เรียนแต่ละคน

 

วิธีเลือกระดับเริ่มต้นที่สมบูรณ์แบบสำหรับคุณคือการประเมินตนเอง

เมื่อคุณเข้าใจข้อดีข้อเสียของการข้ามระดับแล้ว คำถามต่อไปคือ “แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าระดับไหนเหมาะสมกับเราที่สุด?” ต่อไปนี้คือคู่มือ 4 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณประเมินระดับของตัวเองได้อย่างแม่นยำ

  • ขั้นตอนที่ 1: ตรวจสอบคลังคำศัพท์ HSK อย่างเป็นทางการ แต่ละระดับของ HSK (ในระบบ 2.0 ปัจจุบัน) มีการกำหนดจำนวนคำศัพท์ที่ต้องรู้อย่างชัดเจน ให้เริ่มต้นด้วยการค้นหารายการคำศัพท์เหล่านี้จากเว็บไซต์ทางการของ HSK หรือแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ แล้วลองประเมินดูว่าคุณรู้จักและสามารถใช้คำศัพท์ในแต่ละระดับได้มากน้อยเพียงใด
  • ขั้นตอนที่ 2: ลองทำข้อสอบจำลอง นี่คือวิธีที่น่าเชื่อถือและดีที่สุดในการประเมินความพร้อมของคุณ ศูนย์สอบและเว็บไซต์เตรียมสอบ HSK หลายแห่งมีข้อสอบจำลองเสมือนจริงให้ทดลองทำฟรี การทำข้อสอบจำลองจะช่วยให้คุณได้ประเมินทักษะครบทุกด้าน ทั้งการฟัง การอ่าน และการเขียน (สำหรับระดับ 3 ขึ้นไป) ภายใต้เงื่อนไขเวลาที่ใกล้เคียงกับวันสอบจริง
  • ขั้นตอนที่ 3: ปรึกษาผู้สอนหรือเหล่าซือ หากคุณเรียนกับคุณครูหรือเหล่าซือ อย่าลังเลที่จะขอคำแนะนำ ผู้สอนที่มีประสบการณ์จะสามารถประเมินจุดแข็งและจุดอ่อนของคุณได้อย่างแม่นยำ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับระดับที่เหมาะสมกับคุณได้ดีที่สุด
  • ขั้นตอนที่ 4: ทำความเข้าใจคำอธิบายความสามารถในแต่ละระดับ ทำความเข้าใจว่าผู้ที่สอบผ่านในแต่ละระดับควรมีความสามารถทางภาษาในระดับใด เพื่อให้เห็นภาพรวมเชิงคุณภาพ
    • HSK 1-2: สามารถใช้ประโยคและคำศัพท์ง่ายๆ ในการสื่อสารเรื่องพื้นฐานในชีวิตประจำวันได้
    • HSK 3: สามารถใช้ภาษาจีนสื่อสารเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน การเรียน และการทำงานได้ หากเดินทางในประเทศจีนจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ส่วนใหญ่ได้
    • HSK 4: สามารถอภิปรายในหัวข้อที่กว้างขึ้นและสื่อสารกับเจ้าของภาษาได้อย่างค่อนข้างเป็นธรรมชาติ
    • HSK 5-6: สามารถอ่านหนังสือพิมพ์ นิตยสารจีน ชมภาพยนตร์ และกล่าวสุนทรพจน์ได้อย่างคล่องแคล่ว

 

ไขข้อข้องใจ HSKK เจาะลึกการสอบพูดภาคบังคับ

HSKK คืออะไร? และทำไมตอนนี้ถึงสำคัญกว่าที่เคย?

นอกเหนือจากการสอบ HSK ที่เน้นทักษะการฟัง การอ่าน และการเขียนแล้ว ยังมีการสอบอีกประเภทหนึ่งที่ผู้เรียนภาษาจีนต้องรู้จัก นั่นคือ HSKK หรือ Hanyu Shuiping Kouyu Kaoshi HSKK คือการสอบวัดระดับความสามารถด้านการพูดภาษาจีนโดยเฉพาะ ซึ่งจัดขึ้นเพื่อประเมินทักษะการสื่อสารด้วยวาจาในสถานการณ์จริง อันเป็นทักษะที่ไม่ได้ถูกวัดในการสอบ HSK แบบดั้งเดิม

ในอดีต HSKK อาจเป็นเพียงการสอบเสริมที่ผู้เรียนจะเลือกสอบหรือไม่ก็ได้ แต่ปัจจุบัน สถานะของ HSKK ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และกลายเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างยิ่งยวดในการสอบ HSK การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงการปรับเปลี่ยนกระบวนทัศน์ครั้งใหญ่ของหน่วยงานจัดสอบ ซึ่งมุ่งเน้นไปที่การวัดความสามารถทางภาษาแบบองค์รวมมากขึ้น นี่คือการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าทักษะการพูดได้รับการให้ความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา และใบรับรอง HSK ในยุคใหม่จะต้องเป็นเครื่องยืนยันความสามารถในการสื่อสารที่ครบถ้วนทุกมิติ

 

กฎใหม่ HSK และ HSKK กลายเป็นแพ็กเกจคู่กัน

นี่คือกฎใหม่ที่ผู้เตรียมสอบ HSK ทุกคนต้องทราบ: ตั้งแต่ปี 2022-2023 เป็นต้นมา ผู้ที่สมัครสอบ HSK ตั้งแต่ระดับ 3 ขึ้นไป ทั้งในประเทศจีนและศูนย์สอบทั่วโลก จำเป็นต้องสมัครและเข้าสอบ HSKK ในระดับที่สอดคล้องกันไปพร้อมกัน พูดง่ายๆ คือ HSK และ HSKK สำหรับระดับกลางถึงสูงได้ถูกรวมเป็น “แพ็กเกจ” ที่แยกจากกันไม่ได้อีกต่อไป

การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นนโยบายระดับโลกจาก Hanban (ปัจจุบันคือ Center for Language Education and Cooperation) ซึ่งเป็นผลพวงโดยตรงจากเสียงวิจารณ์ในอดีตที่ว่ามาตรฐาน HSK 2.0 ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่าง CEFR (Common European Framework of Reference for Languages) และผู้ที่ได้ HSK 6 บางครั้งยังไม่สามารถสื่อสารได้อย่างคล่องแคล่ว การบังคับสอบพูดจึงเป็นความพยายามที่จะยกระดับความน่าเชื่อถือของใบรับรอง HSK ให้ทัดเทียมมาตรฐานโลก ทำให้ผู้ที่ถือใบรับรอง HSK ในยุคใหม่เป็นผู้ที่มีความสามารถทางภาษาจีนอย่างแท้จริง ทั้งการฟัง อ่าน เขียน และที่สำคัญคือ “การพูด”

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางด้านล่างนี้สรุปการจับคู่ภาคบังคับระหว่าง HSK และ HSKK ตามกฎล่าสุดปี 2025

ตารางการจับคู่สอบ HSK และ HSKK (กฎล่าสุดปี 2025)

หากคุณสมัครสอบ HSK ระดับ……คุณต้องสอบ HSKK ระดับนี้ควบคู่กันทักษะทั้งหมดที่ถูกประเมิน
HSK 1 / HSK 2ไม่บังคับ (สามารถเลือกสอบ HSKK ระดับต้นได้)การฟัง, การอ่าน
HSK 3HSKK ระดับต้น (初级)การฟัง, การอ่าน, การเขียน + การพูด (ระดับต้น)
HSK 4HSKK ระดับกลาง (中级)การฟัง, การอ่าน, การเขียน + การพูด (ระดับกลาง)
HSK 5 / HSK 6HSKK ระดับสูง (高级)การฟัง, การอ่าน, การเขียน + การพูด (ระดับสูง)

 

HSKK แต่ละระดับต้องทำอะไรบ้าง?

เมื่อทราบแล้วว่าต้องสอบ HSKK คู่กัน เรามาทำความรู้จักความคาดหวังของ HSKK ในแต่ละระดับกันดีกว่า เพื่อให้คุณเตรียมตัวได้ถูกจุด

  • HSKK ระดับต้น (初级 – Basic): เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับ HSK 1-3 ผู้สอบต้องสามารถฟังเข้าใจและตอบสนองบทสนทนาในหัวข้อที่คุ้นเคยในชีวิตประจำวันได้ โดยใช้คำศัพท์ประมาณ 200-900 คำ
  • HSKK ระดับกลาง (中级 – Intermediate): เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับ HSK 3-4 ผู้สอบต้องสามารถฟังเข้าใจและสื่อสารกับเจ้าของภาษาในหัวข้อต่างๆ ได้อย่างคล่องแคล่ว มีข้อสังเกตจากผู้สอบว่า แม้จะสอบคู่กับ HSK 3 แต่การรู้คำศัพท์ของ HSK 4 จะเป็นประโยชน์อย่างมากในการทำข้อสอบ HSKK ระดับกลาง
  • HSKK ระดับสูง (高级 – Advanced): เหมาะสำหรับผู้เรียนระดับ HSK 5-6 ผู้สอบต้องสามารถฟังและใช้ภาษาจีนแสดงความคิดเห็นของตนเองในหัวข้อที่ซับซ้อนได้อย่างอิสระและคล่องแคล่ว โดยต้องรู้คำศัพท์มากกว่า 3,000 คำ

เรื่องการเงิน ค่าธรรมเนียมการสอบ HSK + HSKK ในประเทศไทย

การวางแผนที่ดีต้องมาพร้อมกับการเตรียมงบประมาณที่ถูกต้องแม่นยำ สำหรับผู้ที่เตรียมตัวสอบในประเทศไทย นี่คือตารางอัตราค่าสมัครสอบ HSK และ HSKK ล่าสุดสำหรับปี 2025 ซึ่งเป็นข้อมูลจากศูนย์สอบอย่างเป็นทางการในประเทศไทย (เช่น BLCU Bangkok) โดยค่าใช้จ่ายสำหรับระดับ 3 ขึ้นไปจะเป็นราคาที่รวมการสอบ HSK และ HSKK ไว้ด้วยกันแล้ว

HSK + HSKK Examination Fees in Thailand (Updated for 2025)

ระดับการสอบ (HSK + HSKK ที่บังคับ)อัตราค่าสมัครสอบ (บาท)
HSK 1610
HSK 2810
HSK 3 + HSKK ระดับต้น1,560
HSK 4 + HSKK ระดับกลาง2,060
HSK 5 + HSKK ระดับสูง2,560
HSK 6 + HSKK ระดับสูง3,060

หมายเหตุสำคัญ

  • อัตราค่าสมัครสอบนี้มีการปรับปรุงล่าสุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2567
  • ค่าใช้จ่ายดังกล่าวได้รวมค่าจัดส่งใบประกาศผลสอบทางไปรษณีย์แบบ EMS เรียบร้อยแล้ว
  • โดยทั่วไปจะได้รับใบประกาศผลสอบประมาณ 45-60 วันหลังจากวันสอบ และไม่สามารถเร่งรัดกระบวนการได้ เนื่องจากใบประกาศถูกส่งมาจากประเทศจีน
  • ตราค่าสมัครอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ควรตรวจสอบกับศูนย์สอบโดยตรงอีกครั้งก่อนสมัคร

 

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสอบ HSK ผ่าน แต่ HSKK ไม่ผ่าน?

หนึ่งในคำถามที่สร้างความกังวลใจมากที่สุดคือ “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าสอบ HSK (ฟัง/อ่าน/เขียน) ผ่าน แต่สอบ HSKK (พูด) ไม่ผ่าน?”

คำตอบคือ แม้ว่าคุณจะสมัครสอบเป็นแพ็กเกจเดียวกัน แต่การสอบทั้งสองส่วนจะถูกประเมินและให้คะแนนแยกจากกัน และผลคะแนนจะแสดงแยกส่วนกันบนใบรายงานผลของคุณ ดังนั้น เป็นไปได้ที่คุณจะได้รับสถานะ “ผ่าน” สำหรับการสอบ HSK แม้ว่าคุณจะ “ไม่ผ่าน” ในส่วนของ HSKK ก็ตาม

อย่างไรก็ตาม ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ข้อกำหนดของสถาบันปลายทาง มหาวิทยาลัย หน่วยงานให้ทุน หรือบริษัทที่คุณต้องการยื่นผลสอบ อาจมีเงื่อนไขระบุไว้ชัดเจนว่าผู้สมัครจะต้องสอบผ่าน ทั้งสองส่วน ดังนั้น คำแนะนำที่ดีที่สุดคือ ให้ตรวจสอบเงื่อนไขและข้อกำหนดของสถาบันที่คุณต้องการสมัครให้แน่ชัดเสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าผลสอบของคุณจะเป็นไปตามที่พวกเขาต้องการ

 

การลงทะเบียนและวันสอบ

การสมัครสอบ HSK และ HSKK สามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์กลางคือ www.chinesetest.cn หลังจากลงทะเบียนในระบบแล้ว คุณจะต้องชำระค่าสมัครสอบผ่านช่องทางของศูนย์สอบในประเทศไทยที่คุณเลือก สำหรับตารางสอบปี 2025 นั้นมีประกาศออกมาแล้ว โดยทั่วไปการสอบ HSK จะจัดขึ้นเกือบทุกเดือน แต่รอบสอบ HSKK อาจมีไม่บ่อยเท่า ดังนั้นการวางแผนล่วงหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

 

ทำความเข้าใจการเปลี่ยนแปลงสู่ HSK 3.0

ประเด็นใหญ่ที่ทุกคนสงสัย HSK 3.0 คืออะไร?

นอกจากการเปลี่ยนแปลงเรื่องการบังคับสอบ HSKK แล้ว ยังมีการปฏิรูปครั้งใหญ่อีกเรื่องหนึ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น นั่นคือ “HSK 3.0” หรือ “New HSK” ซึ่งเป็นมาตรฐานการสอบใหม่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับความเข้มข้น ความครอบคลุม และความสอดคล้องกับมาตรฐานสากลอย่าง CEFR

โครงสร้างใหม่ของ HSK 3.0 จะเปลี่ยนจาก 6 ระดับ ไปเป็นระบบ “สามช่วงชั้น เก้าระดับ” (Three Stages and Nine Levels) ซึ่งประกอบด้วย:

  • ระดับต้น (Elementary): ระดับ 1, 2, 3
  • ระดับกลาง (Intermediate): ระดับ 4, 5, 6
  • ระดับสูง (Advanced): ระดับ 7, 8, 9

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือการเพิ่มความท้าทายในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคำศัพท์ที่เพิ่มขึ้นมหาศาล และการเพิ่มทักษะใหม่ๆ เข้ามาในการประเมินผล เช่น การเขียนตัวอักษรจีนด้วยมือ (Handwriting) และ ทักษะการแปล (Translation) ซึ่งจะเริ่มบังคับตั้งแต่ระดับต้นๆ และระดับกลางเป็นต้นไป

 

ความแตกต่างที่น่าตกใจ คำศัพท์ HSK 2.0 เทียบกับ 3.0

เพื่อให้เห็นภาพความยากที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนที่สุด ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเปรียบเทียบจำนวนคำศัพท์ที่ต้องรู้ระหว่างระบบเก่า (HSK 2.0) และระบบใหม่ (HSK 3.0) ตารางด้านล่างนี้จะแสดงให้เห็นถึง “การระเบิด” ของคลังคำศัพท์ที่ผู้เรียนในอนาคตต้องเผชิญ

HSK 2.0 vs. HSK 3.0 

ระดับคำศัพท์ HSK 2.0 (ระบบปัจจุบัน)คำศัพท์ HSK 3.0 (ระบบใหม่)
ระดับ 1150 คำ500 คำ
ระดับ 2300 คำ1,272 คำ
ระดับ 3600 คำ2,245 คำ
ระดับ 41,200 คำ3,245 คำ
ระดับ 52,500 คำ4,316 คำ
ระดับ 65,000 คำ5,456 คำ
ระดับ 7-911,092 คำ

 

การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกับเราเมื่อไหร่?

นี่คือคำถามที่สำคัญและสร้างความสับสนมากที่สุด: “แล้ว HSK 3.0 จะเริ่มใช้เมื่อไหร่? เราต้องเตรียมตัวตามระบบใหม่เลยหรือไม่?”

คำตอบสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน (ปี 2025) คือ:

แม้ว่ามาตรฐาน HSK 3.0 จะถูกประกาศใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2021 แต่ในทางปฏิบัติ การนำข้อสอบ HSK 3.0 มาใช้สำหรับระดับ 1-6 นั้นยังคงถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด

สิ่งที่เริ่มใช้แล้วในปัจจุบัน คือ:

  1. การสอบระดับสูง (Advanced Level 7-9): ได้มีการจัดสอบไปแล้ว โดยเป็นการสอบรวมครั้งเดียวเพื่อวัดระดับว่าผู้สอบจะได้รับใบรับรองระดับ 7, 8 หรือ 9
  2. การบังคับสอบ HSKK: ถือเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปที่ถูกนำมาใช้ก่อน

ดังนั้น คำแนะนำสำหรับผู้ที่กำลังเตรียมสอบ HSK ระดับ 1-6 ในปี 2025 คือ:

ดังนั้น สำหรับผู้ที่เตรียมสอบ HSK ระดับ 1-6 ในปี 2025 ให้คุณเตรียมตัวตามตำราและคลังคำศัพท์ของระบบ 2.0 ที่ใช้อยู่ปัจจุบันได้อย่างสบายใจ ข้อสอบที่คุณจะเจอในห้องสอบยังคงอิงตามโครงสร้างเดิม แต่สำหรับผู้ที่มองการณ์ไกล การเริ่มศึกษาคำศัพท์จาก HSK 3.0 ไปพลางๆ ก็เป็นความคิดที่ดีเยี่ยมในการสร้างความได้เปรียบในระยะยาว

การเปลี่ยนแปลงไปสู่ HSK 3.0 เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ และเป็นขั้นตอน หน่วยงานจัดสอบเลือกที่จะนำส่วนที่ขาดหายไปในระบบเดิมมาใช้ก่อน (คือระดับสูงและการสอบพูด) ในขณะที่การยกเครื่องเนื้อหาทั้งหมดของระดับ 1-6 ซึ่งเป็นงานขนาดมหึมานั้นยังคงต้องใช้เวลา การทำความเข้าใจ “ความเป็นจริงแบบสองราง” นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางกลยุทธ์การเรียนรู้ กล่าวคือ ในระยะสั้น ให้มุ่งเน้นที่การเตรียมตัวสอบตามระบบ 2.0 อย่างเต็มที่ แต่สำหรับผู้เรียนที่มองการณ์ไกลและต้องการความสามารถทางภาษาที่แท้จริง ควรเริ่มมองรายการคำศัพท์ของ HSK 3.0 เป็น “ภาพอนาคต” และใช้เป็นแหล่งเสริมคลังคำศัพท์ให้ทันสมัยและใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน

ประเด็นสำคัญสำหรับการเดินทาง HSK ของคุณ

การเดินทางสู่ความสำเร็จในการสอบ HSK อาจดูซับซ้อน แต่เมื่อคุณมีความเข้าใจที่ชัดเจน ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น นี่คือบทสรุปประเด็นสำคัญทั้งหมดจากคู่มือฉบับนี้:

  • การข้ามระดับ (Skipping Levels): ทำได้แน่นอน! เลือกสอบระดับที่ตรงกับความสามารถและเป้าหมายของคุณเพื่อประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย แต่สิ่งที่ห้ามข้ามเด็ดขาดคือการเรียนรู้เนื้อหาพื้นฐานของระดับที่ต่ำกว่า
  • การสอบพูด (HSKK): จำเป็นและบังคับ! หากคุณจะสอบ HSK ระดับ 3, 4, 5, หรือ 6 ในปี 2025 คุณต้องสมัครและเข้าสอบ HSKK ในระดับที่ถูกกำหนดไว้คู่กันโดยอัตโนมัติ
  • การเลือกระดับ (Choosing a Level): ประเมินตัวเองอย่างซื่อสัตย์โดยใช้ข้อสอบจำลองเป็นเครื่องมือหลัก ควบคู่ไปกับการตรวจสอบคลังคำศัพท์และปรึกษาผู้สอน เพื่อให้ได้ระดับเริ่มต้นที่เหมาะสมที่สุด
  • HSK 3.0: คือมาตรฐานใหม่ในอนาคตที่ยากและครอบคลุมกว่าเดิมมาก แต่สำหรับผู้ที่เตรียมสอบระดับ 1-6 ในปัจจุบัน (ปี 2025) ข้อสอบยังคงใช้มาตรฐาน HSK 2.0 แบบเดิม ให้คุณเตรียมตัวตามนั้นไปก่อน
  • ค่าใช้จ่ายในไทย : วางแผนงบประมาณของคุณตามตารางค่าสอบล่าสุดที่รวมค่าใช้จ่ายของ HSK และ HSKK ไว้ด้วยกันแล้ว

 

คำส่งท้ายให้กำลังใจ

การเรียนภาษาจีนและการเตรียมตัวสอบ HSK คือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น อาจมีอุปสรรคและความท้าทายรออยู่เบื้องหน้า แต่ด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง การวางแผนที่เป็นระบบ และความมุ่งมั่นตั้งใจ คุณก็พร้อมแล้วที่จะก้าวไปบนเส้นทางนี้อย่างมั่นคง ขอให้คุณสนุกกับการเรียนรู้และประสบความสำเร็จในการสอบตามที่ตั้งใจไว้

祝你考试成功! (Zhù nǐ kǎoshì chénggōng!)

You may also like