วิธีใช้ Alipay สำหรับนักท่องเที่ยวในจีน (อัปเดต 2025)

by admin

4 สิ่งที่ต้องเตรียมให้พร้อมสำหรับ Alipay

1 สมาร์ทโฟนและอินเทอร์เน็ต

แน่นอนว่าคุณต้องมีสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะเป็นระบบ iOS หรือ Android และต้องมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเพื่อดาวน์โหลดแอป รับรหัสยืนยัน และใช้งานในประเทศจีน

คำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์: การเข้าถึง Google Play Store ในประเทศจีนอาจทำได้ไม่สะดวกนัก ดังนั้น ควรดาวน์โหลดแอป Alipay ให้เรียบร้อยตั้งแต่ยังอยู่ที่ประเทศไทย ส่วนการใช้อินเทอร์เน็ตในจีนนั้น การซื้อ eSIM หรือซิมท่องเที่ยว (Travel SIM) ที่สามารถใช้งานแอปต่างๆ เช่น Google Maps, LINE, Facebook ได้โดยไม่ถูกจำกัด จะเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้การใช้งาน Alipay และการสื่อสารของคุณไม่สะดุด

2 หนังสือเดินทาง (Passport)

เตรียมหนังสือเดินทางเล่มปัจจุบันที่ยังไม่หมดอายุของคุณให้พร้อม นี่เป็นสิ่งที่ ขาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะคุณจะต้องใช้ข้อมูลและรูปถ่ายจากพาสปอร์ตในขั้นตอนการยืนยันตัวตนที่เรียกว่า “Real-name Verification” ซึ่งเป็นข้อบังคับตามกฎหมายการเงินของประเทศจีนสำหรับผู้ใช้งานทุกคน

3 เบอร์โทรศัพท์มือถือไทย

ข่าวดีคือ คุณไม่จำเป็นต้องมีเบอร์โทรศัพท์ของจีน เพื่อสมัคร Alipay อีกต่อไป คุณสามารถใช้เบอร์โทรศัพท์มือถือของไทยที่คุณใช้อยู่เป็นประจำในการลงทะเบียนได้เลย แอปจะส่งรหัสยืนยัน (OTP) ผ่านทาง SMS มาที่เบอร์นี้

4 บัตรสำหรับผูกบัญชี

คุณต้องมีบัตรอย่างน้อยหนึ่งใบเพื่อผูกกับบัญชี Alipay สำหรับใช้ตัดเงินเวลาชำระค่าสินค้าและบริการ โดย Alipay รองรับบัตรจากเครือข่ายสากลหลักๆ ได้แก่ Visa, Mastercard, JCB, และ UnionPay

 

เจาะลึกเรื่องบัตร: ควรเลือกใช้บัตรประเภทไหนดีที่สุด?

แม้ว่าบัตรหลายประเภทจะใช้ได้ แต่การเลือกบัตรที่เหมาะสมจะช่วยให้คุณประหยัดเงินได้มากอย่างไม่น่าเชื่อ จากการเปรียบเทียบข้อมูลและประสบการณ์ของผู้ใช้งานจริง สามารถจัดลำดับบัตรที่แนะนำได้ดังนี้

  • ดี (ใช้ได้): บัตรเครดิต / เดบิต จากธนาคารไทยบัตรเหล่านี้สามารถผูกและใช้งานได้สะดวก แต่สิ่งที่ต้องระวังคือ ค่าธรรมเนียมความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Transaction Fee) ที่ธนาคารเจ้าของบัตรในไทยจะเรียกเก็บ ซึ่งโดยทั่วไปอยู่ที่ 2.0% – 2.5% ของยอดใช้จ่าย ค่าธรรมเนียมนี้จะถูกเรียกเก็บซ้อนทับกับค่าธรรมเนียมของ Alipay (หากมี) ทำให้ค่าใช้จ่ายโดยรวมสูงขึ้น
  • ดีกว่า (แนะนำเป็นอย่างยิ่ง): บัตร Travel Cardบัตรประเภทนี้คือตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักเดินทางอย่างแท้จริง ตัวอย่างเช่น YouTrip, Wise, Revolut, บัตรกรุงไทย Travel Card, หรือ PLANET SCB บัตรเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อการใช้จ่ายในต่างประเทศโดยเฉพาะ จุดเด่นคือให้อัตราแลกเปลี่ยนที่ดีกว่าบัตรเครดิต/เดบิตทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด และมักจะมีค่าธรรมเนียมการแปลงสกุลเงินที่ต่ำกว่ามากหรือไม่มีเลย ทำให้คุณประหยัดเงินในทุกๆ การใช้จ่ายตลอดทริป

 

จับมือทำ Step-by-Step: การสมัครและตั้งค่า Alipay

เมื่อเตรียมของครบแล้ว ก็ถึงเวลาลงมือสมัครกันเลย ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้ไปพร้อมกันได้เลยครับ

1 การดาวน์โหลดและลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรไทย

ขั้นตอนนี้เราจะสร้างบัญชี Alipay ด้วยเบอร์มือถือไทยของเรา

  • ขั้นตอนที่ 1: ไปที่ App Store (สำหรับ iOS) หรือ Google Play Store (สำหรับ Android) ค้นหาคำว่า “Alipay” แล้วกดดาวน์โหลด
  • ขั้นตอนที่ 2: เปิดแอปขึ้นมา แล้วกด “Agree” เพื่อยอมรับข้อตกลงและนโยบายความเป็นส่วนตัว
  • ขั้นตอนที่ 3: ที่หน้าเข้าสู่ระบบ ให้กดปุ่ม “Sign Up”
  • ขั้นตอนที่ 4 (สำคัญมาก): แอปจะให้กรอกเบอร์โทรศัพท์ ให้คุณแตะที่รหัสประเทศ (ค่าเริ่มต้นอาจเป็น +86 ของจีน) แล้วค้นหาและเลือก “Thailand (+66)” จากนั้นกรอกเบอร์มือถือของคุณ โดยตัดเลข 0 ตัวหน้าออก เช่น เบอร์ 081-234-5678 ให้กรอกเพียง 812345678
  • ขั้นตอนที่ 5: กดยอมรับข้อตกลงอีกครั้ง แอปจะส่งรหัสยืนยัน (OTP) 6 หลักไปทาง SMS ที่เบอร์ของคุณ ให้นำรหัสนั้นมากรอกในแอป
  • ขั้นตอนที่ 6: หากแอปถามเวอร์ชันที่ต้องการใช้งาน ให้เลือก “Enter International Version”

 

2 การยืนยันตัวตนด้วยพาสปอร์ต

ขั้นตอนนี้จำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้คุณสามารถใช้จ่ายเงินผ่านแอปได้ เป็นไปตามข้อบังคับด้านความปลอดภัยทางการเงินของจีน

  • ขั้นตอนที่ 1: จากหน้าหลักของแอป แตะที่ไอคอน “Me” ที่มุมขวาล่าง
  • ขั้นตอนที่ 2: ที่ด้านบนของหน้า “Me” คุณจะเห็นข้อมูลบัญชีของคุณ ให้แตะบริเวณชื่อเล่น (อาจขึ้นว่า “Nickname Unset”) หรือมองหาเมนูที่เขียนว่า “Identity Information” หรือ “Real-name Verification” แล้วตามด้วยปุ่ม “Verify now”
  • ขั้นตอนที่ 3: แอปจะเข้าสู่กระบวนการยืนยันตัวตน ให้เลือกตัวเลือก “Scan to fill in automatically” หรือ “Scan Passport”
  • ขั้นตอนที่ 4: อนุญาตให้แอปเข้าถึงกล้อง แล้วจัดวางหน้าข้อมูลในพาสปอร์ตของคุณให้อยู่ในกรอบที่กำหนดอย่างระมัดระวัง แอปจะใช้เทคโนโลยี OCR เพื่อดึงข้อมูลต่างๆ เช่น เลขที่พาสปอร์ต, ชื่อ-นามสกุล, สัญชาติ มากรอกให้โดยอัตโนมัติ
  • ขั้นตอนที่ 5 (สำคัญมาก): ตรวจสอบข้อมูลที่แอปกรอกให้อัตโนมัติอย่างละเอียดถี่ถ้วน ว่าถูกต้องตรงตามหน้าพาสปอร์ตทุกตัวอักษรและตัวเลข ก่อนที่จะกดปุ่ม “Submit”
  • ขั้นตอนที่ 6: ในบางกรณี แอปอาจขอให้คุณทำการ ยืนยันใบหน้า (Face Verification) เพิ่มเติม ให้ทำตามคำแนะนำบนหน้าจอ เช่น กะพริบตา หรือหันหน้าซ้ายขวา
  • ขั้นตอนที่ 7: รอการตรวจสอบ ซึ่งแอปจะแจ้งว่าอาจใช้เวลาถึง 24 ชั่วโมง แต่จากประสบการณ์ของผู้ใช้ส่วนใหญ่ มักจะอนุมัติภายในไม่กี่นาที เมื่อผ่านแล้ว สถานะจะเปลี่ยนเป็น “Completed” หรือ “Verified”

3 การผูกบัตรเพื่อใช้จ่าย

นี่คือขั้นตอนสุดท้ายในการตั้งค่า เพื่อให้ Alipay สามารถตัดเงินจากบัตรของเราได้

  • ขั้นตอนที่ 1: กลับไปที่หน้า “Me” แล้วแตะที่เมนู “Bank Cards”
  • ขั้นตอนที่ 2: แตะที่ปุ่ม “Add Card”
  • ขั้นตอนที่ 3 (สำคัญมาก): แอปจะให้คุณ ตั้งรหัสผ่านสำหรับชำระเงิน (Payment Password) เป็นตัวเลข 6 หลัก รหัสนี้เปรียบเสมือน PIN ของคุณที่ต้องใช้ยืนยันการจ่ายเงินเกือบทุกครั้ง ต้องจดจำให้แม่นยำ จากนั้นกรอกยืนยันรหัสอีกครั้ง
  • ขั้นตอนที่ 4: กรอกรายละเอียดของบัตรที่คุณต้องการผูก ได้แก่ หมายเลขบัตร 16 หลัก, วันหมดอายุ (เดือน/ปี), และรหัส CVV 3 หลักด้านหลังบัตร
  • ขั้นตอนที่ 5: กด “Submit” หรือ “Add” ระบบอาจมีการทดลองตัดเงินจำนวนเล็กน้อย (และจะคืนเงินให้ภายหลัง) เพื่อตรวจสอบว่าบัตรสามารถใช้งานได้จริง
  • ขั้นตอนที่ 6: หากสำเร็จ คุณจะเห็นรูปบัตรของคุณปรากฏในหน้ารายการ “Bank Cards” เท่านี้คุณก็พร้อมที่จะออกไปใช้จ่ายในจีนแล้ว!

 

จุดที่คนไทยพลาดบ่อยที่สุด: แก้ปัญหาผูกบัตร Alipay ไม่ได้

นี่คือส่วนที่สำคัญมาก เพราะเป็นปัญหาที่นักท่องเที่ยวไทยจำนวนมากเจอและทำให้ท้อใจจนเกือบถอดใจ แต่ไม่ต้องกังวลครับ เพราะวิธีแก้นั้นง่ายนิดเดียว

ปัญหาโลกแตก: ปฏิทิน พ.ศ. vs. ค.ศ.

ต้นตอของปัญหาที่ทำให้ผู้ใช้ในไทย (โดยเฉพาะผู้ใช้ iPhone) ผูกบัตรไม่ได้กว่า 90% มาจากเรื่องเล็กๆ ที่เราคาดไม่ถึง นั่นคือการตั้งค่าปฏิทินในโทรศัพท์มือถือ

คำอธิบายปัญหาแบบง่ายๆ: ระบบของ Alipay เป็นระบบสากลที่ต้องการข้อมูลวันหมดอายุของบัตรเป็นปี คริสต์ศักราช (ค.ศ.) เช่น 2025, 2026 แต่โทรศัพท์ iPhone ที่ตั้งค่าภูมิภาคเป็นประเทศไทย มักจะตั้งค่าปฏิทินเริ่มต้นเป็น พุทธศักราช (พ.ศ.) เช่น 2568, 2569 โดยอัตโนมัติ

เมื่อคุณพยายามผูกบัตรในแอป Alipay ระบบจะดึงค่าปี “2568” จากโทรศัพท์ของคุณมาแสดง ซึ่งเป็นค่าที่ระบบของ Alipay ไม่เข้าใจและไม่สามารถประมวลผลได้ ทำให้การผูกบัตรล้มเหลวทันทีโดยไม่แจ้งสาเหตุที่ชัดเจน นี่คือจุดที่เกิดความขัดแย้งกันระหว่างการตั้งค่าตามวัฒนธรรมท้องถิ่น (พ.ศ.) กับข้อกำหนดทางเทคนิคของแพลตฟอร์มระดับโลก (ค.ศ.) การเข้าใจที่มาของปัญหานี้จะช่วยให้คุณแก้ได้อย่างตรงจุด

วิธีแก้ไข (สำหรับผู้ใช้ iPhone)

  1. ไปที่ Settings (การตั้งค่า) ใน iPhone ของคุณ
  2. เลือก General (ทั่วไป)
  3. เลือก Language & Region (ภาษาและภูมิภาค)
  4. มองหาหัวข้อ Calendar (ปฏิทิน) แล้วแตะเข้าไป
  5. เปลี่ยนตัวเลือกจาก Buddhist (พุทธศักราช) ให้เป็น Gregorian (คริสต์ศักราช)
  6. จากนั้นปิดแอป Alipay แล้วเปิดใหม่อีกครั้ง ลองกลับไปทำขั้นตอนการผูกบัตรอีกรอบ ปัญหาควรจะได้รับการแก้ไขทันที!

 

Checklist แก้ปัญหาอื่นๆ

หากลองแก้เรื่องปฏิทินแล้วยังผูกบัตรไม่ได้ ลองตรวจสอบตามรายการด้านล่างนี้ดูครับ

อาการ สาเหตุที่เป็นไปได้ วิธีแก้ไข 
บัตรถูกปฏิเสธทันทีไม่ได้เปิดใช้งานบัตรสำหรับทำธุรกรรมออนไลน์หรือใช้จ่ายในต่างประเทศเข้าไปที่แอปพลิเคชันของธนาคารเจ้าของบัตรเพื่อเปิดใช้งานฟังก์ชันนี้ หรือโทรติดต่อ Call Center ของธนาคารโดยตรง
แอปแจ้งว่าเงินไม่พอวงเงินในบัตรไม่เพียงพอสำหรับการทดลองตัดเงินเพื่อยืนยันบัตรตรวจสอบให้แน่ใจว่ามีเงินอยู่ในบัตรจำนวนเล็กน้อย (แนะนำให้มีอย่างน้อย 100 บาท)
ข้อมูลไม่ถูกต้องกรอกหมายเลขบัตร, วันหมดอายุ, หรือรหัส CVV ผิดพลาดตรวจสอบข้อมูลบนบัตรจริงอีกครั้งและกรอกข้อมูลใหม่อย่างระมัดระวัง
แอปค้างหรือทำงานผิดปกติแอป Alipay ที่ใช้อยู่เป็นเวอร์ชันเก่าและอาจมีข้อผิดพลาดเข้าไปที่ App Store หรือ Play Store เพื่ออัปเดตแอป Alipay ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุด

 

ได้เวลาใช้จริง! วิธีสแกนจ่ายเงินในจีนแบบมือโปร

เมื่อตั้งค่าทุกอย่างเรียบร้อย ก็ถึงเวลาสนุกกับการใช้จ่ายแล้ว การชำระเงินผ่าน Alipay ในจีนมี 2 รูปแบบหลักๆ ซึ่งคุณควรจะคุ้นเคยกับทั้งสองวิธี

เราสแกน QR Code ของร้านค้า

นี่เป็นวิธีที่พบได้บ่อยที่สุด ตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร ไปจนถึงร้านค้าแผงลอย คุณจะเห็นป้าย QR Code สีน้ำเงินของ Alipay ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์หรือโต๊ะอาหาร

ขั้นตอนการจ่ายเงิน:

  1. เปิดแอป Alipay แล้วแตะที่ปุ่ม “Scan” (สแกน) ที่มุมซ้ายบนของหน้าจอหลัก
  2. หันกล้องโทรศัพท์ของคุณไปที่ QR Code ของร้านค้า
  3. แอปจะขึ้นหน้าจอให้คุณกรอกจำนวนเงินที่ต้องชำระเป็นสกุลเงินหยวน (CNY)
  4. กรอกจำนวนเงิน กดปุ่มยืนยัน จากนั้นใส่ รหัสผ่านชำระเงิน 6 หลัก ของคุณ
  5. เมื่อชำระเงินสำเร็จ ให้แสดงหน้าจอยืนยันแก่ร้านค้า เป็นอันเสร็จสิ้น

 

ร้านค้าสแกน QR Code ของเรา (The Merchant Scans You)

วิธีนี้มักใช้ในร้านค้าขนาดใหญ่ที่มีระบบจัดการดี เช่น ซูเปอร์มาร์เก็ต, ห้างสรรพสินค้า, หรือร้านสะดวกซื้อแฟรนไชส์ ที่มีเครื่องสแกนบาร์โค้ดที่เคาน์เตอร์

ขั้นตอนการจ่ายเงิน:

  1. เปิดแอป Alipay แล้วแตะที่ปุ่ม “Pay/Collect” (จ่าย/รับ) ที่ด้านบนของหน้าจอหลัก
  2. แอปจะแสดง QR Code และบาร์โค้ดส่วนตัวของคุณขึ้นมา (โค้ดนี้จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ เพื่อความปลอดภัย)
  3. ยื่นหน้าจอนี้ให้พนักงานร้านค้าใช้เครื่องสแกน
  4. ระบบจะตัดเงินจากบัตรของคุณโดยอัตโนมัติตามยอดบิล คุณจะได้รับการแจ้งเตือนทันที โดยไม่ต้องกรอกจำนวนเงินหรือรหัสผ่านใดๆ

 

มากกว่าแค่การจ่ายเงิน: Alipay คือ “สุดยอดแอปสำหรับนักเดินทาง”

ความสามารถของ Alipay ไม่ได้หยุดอยู่แค่การจ่ายเงิน แต่มันคือแอปพลิเคชันที่รวมบริการสำคัญๆ สำหรับการเดินทางไว้ในที่เดียว ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับนักท่องเที่ยว

  • การเดินทาง (Transportation): คุณสามารถใช้ Mini-App ที่ชื่อว่า “Transport” ใน Alipay เพื่อสร้าง QR Code สำหรับแตะเข้า-ออกรถไฟใต้ดินและรถโดยสารประจำทางในเมืองใหญ่ๆ ได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถเรียกรถแท็กซี่ “DiDi” (เหมือน Uber ของจีน) หรือแม้แต่สแกนเพื่อปลดล็อกจักรยานสาธารณะที่จอดอยู่ตามท้องถนนได้จากในแอปโดยตรง
  • การสั่งอาหาร (Dining): ร้านอาหารจำนวนมากจะมี QR Code วางอยู่บนโต๊ะ เมื่อคุณใช้ฟังก์ชัน “Scan” ของ Alipay สแกนโค้ดนั้น เมนูอาหารทั้งหมดจะปรากฏขึ้นบนมือถือของคุณ ที่น่าทึ่งคือ แอปมีฟังก์ชัน “Translate” ในตัว ที่สามารถแปลเมนูภาษาจีนเป็นภาษาอังกฤษได้ทันที ช่วยแก้ปัญหาการสั่งอาหารได้อย่างสิ้นเชิง คุณสามารถเลือกเมนู กดสั่ง และชำระเงินได้เลยจากโต๊ะของคุณ
  • การจอง (Booking): Alipay ยังเชื่อมต่อกับบริการด้านการท่องเที่ยว เช่น “Trip.com” ทำให้คุณสามารถจองโรงแรม ตั๋วเครื่องบิน และตั๋วรถไฟความเร็วสูงได้ครบจบในแอปเดียว

 

การตั้งค่าภาษา ควรเปลี่ยนเป็นภาษาไทยหรือไม่?

นี่เป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะการมีเมนูภาษาไทยย่อมทำให้ใช้งานง่ายขึ้น แต่สำหรับ Alipay คำตอบอาจไม่เป็นอย่างที่คิด

วิธีเปลี่ยนภาษาในแอป:

  1. ไปที่หน้า “Me” (ฉัน)
  2. แตะที่ ไอคอนรูปเฟือง (Settings) ที่มุมขวาบน
  3. เลือก “General” (ทั่วไป)
  4. เลือก “Language” (ภาษา)
  5. จากนั้นคุณสามารถเลือก “ไทย” จากในรายการได้

คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ: ใช้ภาษาอังกฤษดีกว่า (ในตอนนี้)

แม้ว่าจะมีตัวเลือกภาษาไทยให้ใช้งาน แต่จากประสบการณ์ของผู้ใช้งานจำนวนมากและผู้เชี่ยวชาญด้านการท่องเที่ยวจีน พบว่าการแปลภาษาไทยในแอป Alipay ยังไม่สมบูรณ์และมักจะสร้างความสับสนมากกว่าความสะดวก ในหลายๆ ส่วนที่สำคัญ เช่น เมนูย่อย หรือข้อความแจ้งเตือนต่างๆ ยังคงแสดงเป็นภาษาจีนหรือแปลผิดเพี้ยนไป

ในทางกลับกัน เวอร์ชันภาษาอังกฤษนั้นได้รับการพัฒนามาอย่างดี มีความเสถียร และรองรับการใช้งานของชาวต่างชาติอย่างเต็มรูปแบบ ดังนั้น เพื่อประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและไร้ปัญหาที่สุด

เราขอแนะนำอย่างยิ่งให้คุณตั้งค่าแอปเป็นภาษาอังกฤษ (English) แล้วใช้ฟังก์ชัน Translate ที่มีอยู่ในตัวแอป (เช่น การแปลเมนูอาหาร) เพื่อช่วยเหลือในสถานการณ์เฉพาะหน้าจะดีที่สุด วิธีนี้จะช่วยให้คุณแก้ปัญหาต่างๆ ได้ง่ายกว่าหากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น

 

ค่าธรรมเนียมและวงเงินการใช้จ่าย

เพื่อให้คุณวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างสบายใจ สิ่งสำคัญคือต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับค่าธรรมเนียมและวงเงินล่าสุด รัฐบาลจีนและแพลตฟอร์ม Alipay ได้ปรับปรุงนโยบายครั้งใหญ่เพื่ออำนวยความสะดวกและกระตุ้นการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติโดยเฉพาะ

รายการรายละเอียด 
ค่าธรรมเนียมการทำรายการ (Transaction Fee)ฟรี สำหรับยอดใช้จ่ายครั้งเดียวที่ต่ำกว่าหรือเท่ากับ 200 หยวน (~1,000 บาท) 

คิดค่าบริการประมาณ 3% สำหรับยอดใช้จ่ายครั้งเดียวที่สูงกว่า 200 หยวน

วงเงินต่อครั้ง (Single Transaction Limit)สูงสุด $5,000 USD (ประมาณ 180,000 บาท) สำหรับบัญชีที่ยืนยันตัวตนด้วยพาสปอร์ตแล้ว
วงเงินสะสมต่อปี (Annual Cumulative Limit)สูงสุด $50,000 USD (ประมาณ 1,800,000 บาท) สำหรับบัญชีที่ยืนยันตัวตนแล้ว
อัตราแลกเปลี่ยน (Exchange Rate)อ้างอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนของเครือข่ายบัตรที่คุณผูก (เช่น Visa, Mastercard) ณ วันและเวลาที่ทำรายการ

ข้อควรรู้เพิ่มเติม: ค่าธรรมเนียมประมาณ 3% ที่กล่าวถึงข้างต้น เป็นค่าบริการที่ Alipay เรียกเก็บสำหรับการประมวลผลบัตรต่างชาติ อย่างไรก็ตาม ธนาคารเจ้าของบัตรเครดิต/เดบิตในประเทศไทยของคุณอาจมีการเรียกเก็บ

ค่าธรรมเนียมความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน (Foreign Transaction Fee) ของตัวเองซ้อนเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง (ปกติอยู่ที่ 2.0-2.5%)

นี่คือเหตุผลสำคัญที่การใช้ Travel Card ยังคงเป็นวิธีที่คุ้มค่าที่สุด เพราะบัตรประเภทนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดหรือกำจัดค่าธรรมเนียมชั้นที่สองนี้ออกไป ทำให้คุณจ่ายในราคาที่ถูกกว่า

 

แผนสำรองและเคล็ดลับจากผู้มีประสบการณ์

การเตรียมตัวที่ดีคือการมีแผนสำรองเสมอ นี่คือทางเลือกและเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะทำให้ทริปของคุณสมบูรณ์แบบและไร้กังวล

ทางเลือกอื่นในการใช้จ่าย

  • TrueMoney Wallet: นี่คือทางเลือกที่ยอดเยี่ยมและง่ายที่สุดสำหรับคนที่ไม่ต้องการความยุ่งยากในการสมัคร Alipay ใหม่ คุณสามารถใช้แอป TrueMoney ที่มีอยู่ในมือถือของคุณได้เลย เมื่อไปถึงประเทศจีนและเจอ QR Code ของ Alipay คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน “สแกน” ในแอป TrueMoney สแกนได้โดยตรง แอปจะขึ้นหน้าจอให้คุณชำระเงินผ่านเครือข่าย Alipay+ โดยหักเงินจากยอดเงินใน TrueMoney Wallet ของคุณทันที แม้อัตราแลกเปลี่ยนอาจจะไม่ดีเท่าการใช้ Travel Card โดยตรง แต่ก็แลกมาด้วยความสะดวกสบายขั้นสุด
  • WeChat Pay: เป็นแอปชำระเงินที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจาก Alipay ในจีน ขั้นตอนการสมัครและผูกบัตรสำหรับชาวต่างชาติมีความคล้ายคลึงกับ Alipay มาก การมีแอปนี้ติดเครื่องไว้เป็นแผนสำรองก็เป็นความคิดที่ดี
  • เงินสด (Cash): แม้จีนจะเป็นสังคมไร้เงินสด แต่การแลกเงินสดสกุลหยวน (CNY) ติดตัวไว้เล็กน้อย (เช่น 500-1,000 หยวน) ยังคงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับกรณีฉุกเฉินจริงๆ, สำหรับให้ทิปไกด์ (ถ้ามี), หรือสำหรับร้านค้าในพื้นที่ห่างไกลมากๆ ที่อาจยังไม่มีระบบ QR Code

 

เคล็ดลับส่งท้าย

  • ทำทุกอย่างก่อนบิน: ทำขั้นตอนการดาวน์โหลด, สมัคร, ยืนยันตัวตน, และผูกบัตรให้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ตั้งแต่ยังอยู่ที่ประเทศไทย ซึ่งมีอินเทอร์เน็ตที่คุ้นเคยและเสถียร
  • แบตเตอรี่คือชีวิต: ในเมื่อโทรศัพท์คือกระเป๋าสตางค์ของคุณ การมีโทรศัพท์ที่ชาร์จเต็มและพาวเวอร์แบงก์ที่เชื่อถือได้ คือสิ่งของที่สำคัญที่สุดในการเดินทางในจีน
  • อินเทอร์เน็ตคือหัวใจ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณมีแผนอินเทอร์เน็ตสำหรับใช้ในจีนเรียบร้อยแล้ว การใช้ eSIM ถือเป็นตัวเลือกที่สะดวกที่สุดในปัจจุบัน
  • จำรหัสผ่านให้แม่น: อย่าลืมรหัสผ่านชำระเงิน 6 หลักของคุณเด็ดขาด
  • ปลอดภัยไว้ก่อน: รักษาโทรศัพท์ของคุณให้ดี เปิดใช้งานการยืนยันตัวตนด้วยชีวมาตร (ลายนิ้วมือ/ใบหน้า) ในแอป Alipay เพื่อเพิ่มความปลอดภัยอีกชั้นหนึ่งในการทำธุรกรรม

 

เที่ยวจีนยุคใหม่ สนุก ง่าย แค่ปลายนิ้ว

เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ คุณจะเห็นว่าการเตรียมตัวและใช้งาน Alipay สำหรับทริปจีนนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิดอีกต่อไป ด้วยคู่มือฉบับนี้ คุณมีข้อมูลและเครื่องมือทั้งหมดที่จำเป็นในการก้าวเข้าสู่โลกแห่งการเดินทางแบบไร้เงินสดของจีนได้อย่างมั่นใจและเต็มที่

Alipay ไม่ใช่แค่แอปจ่ายเงิน แต่เป็นผู้ช่วยคนสำคัญที่จะทำให้การเดินทางของคุณราบรื่น ตั้งแต่การเดินทาง การกินดื่ม ไปจนถึงการช็อปปิ้ง คุณพร้อมแล้วที่จะสัมผัสประสบการณ์เที่ยวจีนในมิติใหม่ที่สะดวกสบาย ปลอดภัย และสนุกกว่าเดิม

ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพและสนุกกับการผจญภัยในจีนนะครับ

You may also like