รีวิว ปรมาจารย์ลัทธิมาร (The Untamed)

by admin

 

หากคุณกำลังมองหาซีรีส์ที่ไม่ได้จบแค่ 50 ตอน แต่จะวนเวียนอยู่ในหัวใจและความคิดไปอีกนานแสนนาน ขอต้อนรับสู่โลกของ “ปรมาจารย์ลัทธิมาร” (The Untamed) ซีรีส์จีนปรากฏการณ์ที่สร้างฐานแฟนคลับทั่วโลกอย่างถล่มทลาย และทำให้เกิดอาการที่แฟนๆ รู้กันดีว่า “มูฟออนเป็นวงกลม” คือดูจบแล้วก็ต้องวนกลับไปดูซ้ำ อ่านนิยาย ฟังเพลงประกอบ หรือเสพสื่ออื่นๆ ในจักรวาลนี้ต่อไปไม่รู้จบ

ความสำเร็จของซีรีส์เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ การันตีด้วยยอดวิวกว่าหมื่นล้านครั้งบนแพลตฟอร์ม Tencent และคะแนนสูงถึง 7.7 จากผู้ใช้งานกว่า 1.6 ล้านคนบน Douban ซึ่งเป็นเว็บไซต์วิจารณ์สื่อของจีน ปรากฏการณ์นี้ลุกลามไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ผ่านการบอกเล่าแบบปากต่อปาก จนแฟนๆ ขนานนามว่าเป็น “พีระมิดเกย์จีนโบราณ”  ที่ใครได้ลองดูแล้วก็ต้องไปชวนคนอื่นมาดูต่อ บทความนี้จะพาคุณดำดิ่งไปสู่ทุกแง่มุมของผลงานชิ้นเอกนี้ ตั้งแต่พล็อตเรื่องที่ซับซ้อน ตัวละครที่มีมิติ ไปจนถึงสัญลักษณ์ที่ซ่อนอยู่ และเพลงประกอบที่ตราตรึงใจ เตรียมตัวให้พร้อม เพราะเมื่อคุณก้าวเข้าสู่ “กูซู” แล้ว อาจจะหาทางออกไม่เจออีกเลย

 

การเดินทางข้ามสองภพของปรมาจารย์อี๋หลิง

เรื่องราวเกิดขึ้นในยุทธภพที่ปกครองโดยห้าตระกูลเซียนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แก่ ตระกูลหลานแห่งกูซู, ตระกูลเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่ง, ตระกูลจินแห่งหลานหลิง, ตระกูลเนี่ยแห่งชิงเหอ และตระกูลเวินแห่งฉีซานที่ทรงอิทธิพลที่สุดในช่วงแรก

เรื่องราวเล่าผ่านชีวิตของ เว่ยอู๋เซี่ยน (หรือ เว่ยอิง) ศิษย์เอกตระกูลเจียงผู้มีนิสัยร่าเริง รักอิสระ เปี่ยมด้วยพรสวรรค์และความเมตตา เรื่องราวในอดีตเริ่มต้นเมื่อเขาถูกส่งไปศึกษาที่สำนักสกุลหลาน ณ กฎระเบียบเคร่งครัดที่เรียกว่า “อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่” ที่นี่เขาได้พบกับ หลานวั่งจี (หรือ หลานจ้าน) คุณชายรองผู้เงียบขรึม เคร่งครัดในกฎระเบียบราวกับเป็นขั้วตรงข้ามของเขาทุกประการ

แต่แล้วความสงบสุขก็พังทลายลงเมื่อตระกูลเวินเริ่มใช้อำนาจกดขี่ตระกูลอื่นจนเกิดเป็นสงครามครั้งใหญ่ โศกนาฏกรรมและความสูญเสียผลักดันให้เว่ยอู๋เซี่ยนต้องหันหลังให้เส้นทางเซียนดั้งเดิม และคิดค้นวิชานอกรีตที่เรียกว่า “วิชามาร” (鬼道, Guǐdào) ซึ่งใช้พลังงานความแค้นของภูตผีมาเป็นอาวุธ เขากลายเป็น ปรมาจารย์อี๋หลิง วีรบุรุษสงครามที่น่าเกรงขาม แต่ในขณะเดียวกัน พลังอันยิ่งใหญ่ของเขาก็สร้างความหวาดระแวงให้แก่ตระกูลอื่นๆ จนนำไปสู่การถูกล้อมปราบและจบชีวิตลงอย่างน่าเศร้า

16 ปีต่อมา เว่ยอู๋เซี่ยนถูกปลุกให้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้งในร่างของ โม่เสวียนอวี่ ชายหนุ่มผู้ยอมสละร่างตนเองผ่านพิธีกรรมต้องห้ามเพื่อแก้แค้น การกลับมาครั้งนี้ทำให้เขาได้พบกับหลานวั่งจีอีกครั้ง และต้องร่วมมือกันไขปริศนาฆาตกรรมต่อเนื่อง ซึ่งค่อยๆ เปิดโปงความจริงอันน่าตกตะลึงที่อยู่เบื้องหลังโศกนาฏกรรมเมื่อ 16 ปีก่อน

จุดเด่นที่ทำให้ซีรีส์น่าติดตามคือโครงสร้างการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร โดยจะเปิดเรื่องในยุคปัจจุบันหลังการฟื้นคืนชีพ แล้วจึงย้อนอดีตแบบยาวๆ ตั้งแต่ตอนที่ 3 ถึง 33 เพื่อให้ผู้ชมได้เห็นเรื่องราวทั้งหมด ก่อนจะกลับมาสู่ปัจจุบันเพื่อคลี่คลายปมสุดท้าย วิธีการนี้สร้างความสงสัยใคร่รู้ตั้งแต่ต้นว่า “ทำไมเด็กหนุ่มที่สดใสคนนั้นถึงกลายเป็นปรมาจารย์ที่คนทั้งยุทธภพเกลียดชัง” และทำให้ผู้ชมเอาใจช่วยเว่ยอู๋เซี่ยนในร่างใหม่ตั้งแต่แรกเริ่ม เพราะเรารู้ว่าเบื้องหลังชื่อเสียงอันเลวร้ายนั้นเต็มไปด้วยความเข้าใจผิด

 

วิญญาณและหัวใจของเรื่องราว

เสน่ห์ที่แท้จริงของปรมาจารย์ลัทธิมารอยู่ที่มิติของตัวละคร ทุกคนล้วนมีเหตุผลเบื้องหลังการกระทำ มีทั้งด้านดีและด้านร้าย ทำให้เรื่องราวมีความสมจริงและจับใจผู้ชมอย่างลึกซึ้ง

เว่ยอู๋เซี่ยน (Wei Wuxian) วีรบุรุษผู้ไร้พันธนาการ

เว่ยอู๋เซี่ยนคือหัวใจของเรื่อง เขาคือเด็กหนุ่มอัจฉริยะ ร่าเริง มองโลกในแง่ดี และซุกซน อุดมการณ์ของเขาเรียบง่ายแต่ทรงพลัง นั่นคือ “กำจัดคนชั่ว ช่วยเหลือผู้อ่อนแอ” โศกนาฏกรรมของเขาไม่ได้เกิดจากความชั่วร้าย แต่เกิดจากความดีงามที่ทำเกินตัว การที่เขาเลือกปกป้องผู้บริสุทธิ์จากตระกูลเวินที่กำลังถูกไล่ล่าอย่างไม่เป็นธรรม คือการตัดสินใจที่ทำให้เขากลายเป็นศัตรูกับคนทั้งยุทธภพ

เส้นทางวิชามารของเขาไม่ได้เกิดจากความทะเยอทะยาน แต่เกิดจากความจำเป็นเพื่อเอาชีวิตรอดหลังจากถูกโยนลงไปใน “เนินป่าช้า”  เขาตั้งคำถามกับกฎเกณฑ์ที่แบ่งแยกพลังงานดีชั่วอย่างตายตัว โดยเชื่อว่า “พลังงานความแค้นก็เป็นพลังงานชนิดหนึ่ง ทำไมจะนำมาใช้ไม่ได้” การกระทำของเขาจึงเป็นการท้าทายขนบธรรมเนียมและความเชื่อดั้งเดิมของโลกผู้บำเพ็ญเพียรอย่างถึงราก

 

หลานวั่งจี (Lan Wangji) ผู้พิทักษ์ที่เงียบงัน

หลานวั่งจีคือภาพสะท้อนของการเติบโตทางความคิด จากคุณชายผู้เย็นชาและยึดมั่นในกฎเกือบ 4,000 ข้อของตระกูลอย่างเคร่งครัด ในตอนแรกเขาไม่ชอบนิสัยรักอิสระของเว่ยอิง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขากลับเป็นคนเดียวที่เข้าใจและเชื่อมั่นในตัวตนที่แท้จริงของเว่ยอิง

ความรักและความภักดีของเขาแสดงออกผ่านการกระทำมากกว่าคำพูด ตลอด 16 ปีที่เว่ยอิงจากไป เขาถามไถ่ถึงวิญญาณทุกครั้งที่ออกท่องยุทธภพ, เลี้ยงดู หลานซือจุย เด็กที่พวกเขารับมาอุปการะ, เก็บสุรา “เทียนจื่อเซี่ยว” ที่เว่ยอิงชอบไว้, และยอมรับโทษด้วยการถูกเฆี่ยนจนเป็นแผลเป็นบนหลังเช่นเดียวกับที่เว่ยอิงเคยโดน การเดินทางของหลานจ้านคือการเปลี่ยนจากโลกที่มีแต่ขาวกับดำ ไปสู่การเข้าใจในเฉดสีเทาของศีลธรรม จนในที่สุดเขาก็เลือกที่จะยืนหยัดเคียงข้างเว่ยอิง ต่อให้ต้องเป็นศัตรูกับคนทั้งโลกก็ตาม ประโยคที่เขาพูดกับพี่ชายว่า “ข้าอยากพาคนผู้หนึ่งกลับไปที่อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่… พาเขากลับไปซ่อนไว้” คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความปรารถนาที่จะปกป้องเว่ยอิงจากโลกที่โหดร้ายได้อย่างลึกซึ้งที่สุด

 

ความสัมพันธ์ที่แตกสลาย เจียงเฉิงและพี่น้องแห่งเหลียนฮวาอู้

โศกนาฏกรรมของเรื่องไม่ได้มีแค่การต่อสู้ แต่คือความสัมพันธ์ที่พังทลายของสามพี่น้องตระกูลเจียง เจียงเฉิง ศิษย์น้องร่วมสาบานของเว่ยอิง มีปมด้อยในใจมาตลอดจากการถูกเปรียบเทียบกับพี่ชาย ความรักที่มีต่อเว่ยอิงถูกบดบังด้วยความโกรธ ความหยิ่งทะนง และการสื่อสารที่ผิดพลาด ตลอด 16 ปี เขาไล่ล่าผู้ใช้วิชามาร ซึ่งเป็นภาพสะท้อนความเจ็บปวดและความสับสนในใจของเขาเอง ขณะที่ เจียงเหยียนหลี ศิษย์พี่หญิง คือสายใยทางอารมณ์ของครอบครัว เธอคือความอ่อนโยนและความรักที่คอยปลอบประโลมสองพี่น้องเสมอ แต่ในอีกแง่หนึ่ง ตัวละครของเธอก็สะท้อนถึงข้อจำกัดของผู้หญิงในสังคมยุคนั้น ความปรารถนาดีที่จะรักษาสันติภาพทำให้เธอเลือกที่จะมองข้ามปัญหา และความไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมทางการเมืองของตระกูลจินก็นำไปสู่โศกนาฏกรรมในที่สุด

 

เงาสะท้อนแห่งโศกนาฏกรรม: ตัวร้ายที่น่าจดจำ

ตัวร้ายในเรื่องนี้ไม่ได้ชั่วร้ายโดยกำเนิด แต่เป็นผลผลิตจากความโหดร้ายของสังคม จินกวงเหยา คือภาพสะท้อนด้านมืดของเว่ยอู๋เซี่ยน เขาคือคนที่ถูกสังคมเหยียบย่ำเพราะชาติกำเนิด (ลูกชายโสเภณี) แต่แทนที่จะต่อต้าน เขากลับเลือกที่จะใช้เล่ห์เหลี่ยมและไต่เต้าขึ้นสู่จุดสูงสุดด้วยการสวมหน้ากากและเหยียบย่ำผู้อื่น ส่วน เซวียหยาง คือตัวร้ายที่เกิดจากบาดแผลในวัยเด็ก การถูกปฏิเสธขนมและถูกทำร้ายจนนิ้วขาดได้เปลี่ยนเด็กน้อยคนหนึ่งให้กลายเป็นปีศาจที่มองไม่เห็นคุณค่าของชีวิตใคร เรื่องราวของเขาใน “เมืองอี้” คือหนึ่งในพาร์ทที่หดหู่และน่าจดจำที่สุดของซีรีส์ แสดงให้เห็นว่าความโหดร้ายสามารถสร้างปีศาจที่น่ากลัวได้อย่างไร

 

แก่นเรื่องที่ซ่อนอยู่ การตั้งคำถามต่อความยุติธรรมและมิตรภาพ

ปรมาจารย์ลัทธิมารใช้โลกแฟนตาซีกำลังภายในเพื่อสำรวจประเด็นสากลที่ลึกซึ้งและชวนให้ขบคิด

  • ใครดี ใครชั่ว ใครดำ ใครขาว: นี่คือคำถามหลักของเรื่อง ซีรีส์ท้าทายแนวคิดเรื่องความดีความชั่วแบบตายตัว ตระกูลที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายธรรมะกลับกระทำการโหดร้ายเพื่อรักษาอำนาจ ในขณะที่คนที่ถูกตราหน้าว่าเป็นมารกลับทำเพื่อปกป้องผู้บริสุทธิ์ เรื่องราวสอนให้เราเห็นว่าความถูกต้องที่แท้จริงไม่ได้วัดกันที่ชื่อเสียงหรือการยอมรับของสังคม แต่วัดกันที่เจตนาและการกระทำ
  • เผด็จการเสียงข้างมาก: เรื่องราววิพากษ์วิจารณ์ “ม็อบไซเบอร์” หรือพลังของฝูงชนที่พร้อมจะพิพากษาใครคนหนึ่งจากข่าวลือและความกลัว ชะตากรรมของเว่ยอู๋เซี่ยนแสดงให้เห็นว่าวีรบุรุษสามารถถูกปั้นให้เป็นผู้ร้ายได้อย่างง่ายดายเพียงแค่เสียงของคนส่วนใหญ่
  • มิตรภาพแท้และจิตวิญญาณของสหาย (知己, Zhījǐ): เหนือสิ่งอื่นใด นี่คือเรื่องราวของ “จือจี่” หรือ “ผู้รู้ใจ” ความสัมพันธ์ระหว่างเว่ยอู๋เซี่ยนและหลานวั่งจีลึกซึ้งกว่าคำว่าเพื่อนหรือคนรัก พวกเขาคือสองวิญญาณที่เข้าใจกันอย่างแท้จริง หลานวั่งจียืนหยัดเคียงข้างเว่ยอู๋เซี่ยน ไม่ใช่เพราะเห็นด้วยกับวิธีการของเขาทุกอย่าง แต่เพราะเขามองเห็นหัวใจที่แท้จริงของอีกฝ่าย เป็นบทพิสูจน์ของมิตรภาพที่พร้อมจะเผชิญหน้ากับโลกทั้งใบเพื่อคนเพียงคนเดียว

 

สัญลักษณ์ในเรื่อง จากผ้าคาดหน้าผากถึงขลุ่ยเฉินฉิง

ด้วยข้อจำกัดด้านการเซ็นเซอร์ในจีน ผู้สร้างจึงใช้สัญลักษณ์ต่างๆ ในการบอกเล่าความรู้สึกและความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนได้อย่างแยบยล

  • ผ้าคาดหน้าผากสกุลหลาน: เป็นสัญลักษณ์ของ “การควบคุมตนเอง” และตามกฎแล้ว จะมีเพียงพ่อแม่และคู่ชีวิต (ผู้รู้ใจ) เท่านั้นที่สามารถสัมผัสได้ การที่เว่ยอิงดึงผ้าคาดของหลานจ้านออกตั้งแต่ช่วงวัยเรียนจึงเป็นการล่วงละเมิดกฎที่ร้ายแรง และเป็นสัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์พิเศษของทั้งคู่ตั้งแต่เนิ่นๆ
  • ดอกบัวแห่งอวิ๋นเมิ่ง: ตราสัญลักษณ์ของตระกูลเจียง “ดอกบัวที่เติบโตจากโคลนตมแต่ยังคงความบริสุทธิ์” เปรียบได้กับชีวิตของเว่ยอู๋เซี่ยนที่แม้จะผ่านเรื่องเลวร้ายในเนินป่าช้า แต่จิตใจของเขาก็ยังคงดีงามไม่แปดเปื้อน นอกจากนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของบ้าน ความอบอุ่น และการเกิดใหม่
  • ขลุ่ยเฉินฉิง (陈情): อาวุธประจำกายของเว่ยอู๋เซี่ยน ชื่อ “เฉินฉิง” มีความหมายว่า “การแถลงไขความในใจ” หรือ “ความรู้สึกในวันวาน” ซึ่งน่าขันอย่างยิ่ง เพราะตลอดชีวิตเขาไม่เคยมีโอกาสได้อธิบายความจริงเบื้องหลังการกระทำของตนเอง (เช่น เรื่องการสละจินตาน) ให้ใครฟัง ขลุ่ยจึงเป็นเสมือนเสียงในใจของเขา
  • กู่ฉินวั่งจี (忘机): เครื่องดนตรีของหลานวั่งจี “กู่ฉิน” เป็นเครื่องดนตรีของบัณฑิต สื่อถึงความสงบและระเบียบ ชื่อ “วั่งจี” แปลว่า “ละแล้วซึ่งทางโลก” สะท้อนนิสัยของหลานจ้านในตอนแรก เขายังใช้กู่ฉินในวิชา “ถามไถ่วิญญาณ” (问灵, ) เพื่อตามหาวิญญาณของเว่ยอิงตลอด 16 ปี

 

เพลงประกอบที่อยู่ในใจ เมื่อดนตรีกู่เฟิงบอกเล่าเรื่องราว

เพลงประกอบของปรมาจารย์ลัทธิมารที่ประพันธ์โดยอาจารย์หลินไห่ ไม่ใช่แค่เพลงประกอบฉาก แต่เป็นส่วนสำคัญของการเล่าเรื่องที่ช่วยสื่อสารอารมณ์และความรู้สึกที่ตัวละครไม่สามารถพูดออกมาได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้ข้อจำกัดของการเซ็นเซอร์ เพลงเหล่านี้จึงกลายเป็นเสียงสะท้อนความในใจของตัวละครอย่างแท้จริง

เพลงประกอบซีรีส์เรื่องนี้ยังเป็นส่วนสำคัญที่ผลักดันให้ดนตรีแนว “กู่เฟิง” (古风) หรือดนตรีสไตล์จีนโบราณที่ผสมผสานกับดนตรีสมัยใหม่ ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายไปทั่วโลก

  • เพลง 无羁 (Wú Jī – ไร้พันธนาการ): เพลงธีมหลักของเรื่องที่ได้รับรางวัลมากมาย ชื่อเพลงแปลว่า “ไร้พันธนาการ” หรือ “มิอาจควบคุม” ซึ่งสะท้อนตัวตนของเว่ยอู๋เซี่ยนได้อย่างสมบูรณ์แบบ ท่วงทำนองของเพลงนี้คือเพลงที่หลานวั่งจีแต่งให้เว่ยอู๋เซี่ยนในถ้ำเต่าถูลู่เสวียนอู่ ทำให้มันกลายเป็น “เพลงของพวกเขา” อย่างแท้จริง
  • เพลงตัวละคร: แต่ละตัวละครหลักจะมีเพลงประจำตัวที่เนื้อร้องเปรียบเสมือนไดอารี่ส่วนตัว
    • 曲尽陈情 (Qū Jìn Chén Qíng – บทเพลงเฉินฉิงสิ้นสุดลง): เพลงของเว่ยอู๋เซี่ยน ขับร้องโดยเซียวจ้าน บอกเล่าชีวิตที่ต้องเดินบนเส้นทางที่ไม่มีใครเข้าใจ เต็มไปด้วยความทระนงและความเจ็บปวด
    • 不忘 (Bù Wàng – มิลืมเลือน): เพลงของหลานวั่งจี ขับร้องโดยหวังอี้ป๋อ คือบทเพลงแห่งการรอคอย 16 ปีที่ไม่เคยจางหาย เป็นคำมั่นสัญญาของความรักที่มั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง
    • 意难平 (Yì Nán Píng – ยากจะหักใจ): เพลงของศิษย์พี่เจียงเหยียนหลี สื่อถึงความเสียใจต่อโศกนาฏกรรมของครอบครัวและความสัมพันธ์ที่แตกสลาย ยากที่จะทำใจยอมรับได้

ช่องทางการรับชมและข้อมูลเพิ่มเติม

สำหรับแฟนๆ ชาวไทยที่ต้องการเริ่มต้นการเดินทางหรือย้อนกลับไปสู่โลกของปรมาจารย์ลัทธิมารอีกครั้ง สามารถรับชมได้อย่างถูกลิขสิทธิ์ครบทุกตอนทั้งในรูปแบบ ซับไทยและพากย์ไทย ได้ทางแอปพลิเคชัน WeTV เท่านั้น

https://wetv.vip/th

นอกจากเวอร์ชันซีรีส์แล้ว จักรวาลนี้ยังมีสื่ออื่นๆ ให้ติดตามเพื่อเติมเต็มอรรถรส ทั้งฉบับนิยายต้นฉบับ (มีแปลไทย), แอนิเมชัน (Donghua), และการ์ตูน (Manhua) ซึ่งแต่ละเวอร์ชันก็มีรายละเอียดและเสน่ห์ที่แตกต่างกันไป

และสำหรับใครที่อินจัดจนอยากตามรอย สถานที่ถ่ายทำหลักของซีรีส์หลายแห่งอยู่ที่ Hengdian World Studios ในมณฑลเจ้อเจียง และมีฉากธรรมชาติสวยงามหลายฉากถ่ายทำที่ มณฑลกุ้ยโจว ซึ่งปัจจุบันกลายเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของแฟนซีรีส์ไปแล้ว

ปรมาจารย์ลัทธิมารไม่ใช่แค่ซีรีส์ แต่เป็นประสบการณ์ทางอารมณ์ที่สมบูรณ์แบบ เป็นการเดินทางที่พาเราไปสำรวจมิตรภาพ ความเสียสละ ความยุติธรรม และความหมายของคำว่า “ครอบครัว” หากคุณพร้อมที่จะหัวเราะ ร้องไห้ และตกหลุมรักตัวละครเหล่านี้อย่างถอนตัวไม่ขึ้นแล้วล่ะก็… เชิญก้าวเข้าสู่ยุทธภพแห่งนี้ได้เลย

คลังศัพท์ปรมาจารย์ลัทธิมาร

เพื่ออรรถรสในการรับชมและทำความเข้าใจโลกของปรมาจารย์ลัทธิมารได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น นี่คือคำศัพท์และวลีที่ควรรู้

หมวดหมู่อักษรจีนพินอิน (Pinyin)คำอ่านภาษาไทยความหมาย / คำแปล
ตัวละครหลัก魏无羡 (魏婴)Wèi Wúxiàn (Wèi Yīng)เว่ย อู๋เซี่ยน (เว่ย อิง)ชื่อ “อู๋เซี่ยน” แปลว่า ไร้ซึ่งความอิจฉา, ชื่อ “อิง” แปลว่า ทารก
蓝忘机 (蓝湛)Lán Wàngjī (Lán Zhàn)หลาน วั่งจี (หลาน จ้าน)ชื่อ “วั่งจี” แปลว่า ละทางโลก, “จ้าน” คือสีฟ้าเข้มดุจน้ำลึก
江澄Jiāng Chéngเจียง เฉิงศิษย์น้องของเว่ยอู๋เซี่ยน ประมุขตระกูลเจียง
江厌离Jiāng Yànlíเจียง เยี่ยนหลีศิษย์พี่หญิงของเว่ยอู๋เซี่ยนและเจียงเฉิง
温宁Wēn Níngเวิน หนิงหรือ “ขุนพลผี” มือขวาผู้ภักดีของเว่ยอู๋เซี่ยน
金光瑶Jīn Guāngyáoจิน กวงเหยาตัวร้ายหลักของเรื่อง มีรอยยิ้มเป็นอาวุธ
薛洋Xuē Yángเซวีย หยางตัวร้ายผู้มีปมจากวัยเด็ก ชอบกินขนมหวาน
5 ตระกูลใหญ่姑苏蓝氏Gūsū Lán Shìกูซู หลาน ซื่อตระกูลหลานแห่งกูซู โดดเด่นเรื่องกฎระเบียบและดนตรี
云梦江氏Yúnmèng Jiāng Shìอวิ๋นเมิ่ง เจียง ซื่อตระกูลเจียงแห่งอวิ๋นเมิ่ง มีสัญลักษณ์เป็นดอกบัวเก้ากลีบ
兰陵金氏Lánlíng Jīn Shìหลานหลิง จิน ซื่อตระกูลจินแห่งหลานหลิง มั่งคั่งและหรูหรา มีสัญลักษณ์เป็นดอกโบตั๋น
清河聂氏Qīnghé Niè Shìชิงเหอ เนี่ย ซื่อตระกูลเนี่ยแห่งชิงเหอ เชี่ยวชาญวิชากระบี่และดาบ
岐山温氏Qíshān Wēn Shìฉีซาน เวิน ซื่อตระกูลเวินแห่งฉีซาน มีสัญลักษณ์เป็นพระอาทิตย์
สถานที่สำคัญ云深不知处Yúnshēn Bùzhīchùอวิ๋นเซิน ปู้จือชู่ที่พำนักของตระกูลหลาน แปลว่า “ลึกในเมฆา มิรู้แห่งหน”
莲花坞Liánhuā Wùเหลียนฮวา อู้ท่าเรือสัตตบงกช ที่พำนักของตระกูลเจียง
乱葬岗Luànzànggǎngล่วนจั้งกั่งเนินป่าช้า สถานที่ที่เว่ยอู๋เซี่ยนฝึกวิชามาร
不夜天Búyètiānปู๋เย่เทียนเมืองไร้ราตรี ที่มั่นของตระกูลเวิน
คำศัพท์/วลี知己zhījǐจือจี่ผู้รู้ใจ, สหายที่เข้าใจกันอย่างลึกซึ้ง, โซลเมต
鬼道guǐ dàoกุ่ยเต้าวิถีมาร, วิชามาร
陈情Chénqíngเฉินฉิงชื่อขลุ่ยของเว่ยอู๋เซี่ยน แปลว่า “แถลงไขความในใจ”
忘机Wàngjīวั่งจีชื่อกู่ฉินของหลานวั่งจี แปลว่า “ละทางโลก”
天子笑Tiānzǐ Xiàoเทียนจื่อเซี่ยว“รอยยิ้มของจักรพรรดิ” ชื่อสุราที่เว่ยอิงชอบดื่ม
随便Suíbiànสุยเปี้ยนชื่อกระบี่ของเว่ยอู๋เซี่ยน แปลว่า “แล้วแต่”
避尘Bìchénปี้เฉินชื่อกระบี่ของหลานวั่งจี แปลว่า “หลีกหนีธุลีโลก”
เพลงประกอบ无羁Wú Jīอู๋ จีไร้พันธนาการ (เพลงธีมหลัก)
不忘Bù Wàngปู๋ วั่งมิลืมเลือน (เพลงของหลานวั่งจี)
曲尽陈情Qū Jìn Chén Qíngชวี จิ้น เฉินฉิงบทเพลงเฉินฉิงสิ้นสุดลง (เพลงของเว่ยอู๋เซี่ยน)
意难平Yì Nán Píngอี้ หนาน ผิงยากจะหักใจ (เพลงของเจียงเหยียนหลี)

 

You may also like