ยุคใหม่ของการเที่ยวจีนสำหรับคนไทยมาถึงแล้ว ประเทศจีนที่เคยรู้สึกว่าไกลและต้องเตรียมตัวเยอะ ตอนนี้เปิดประตูต้อนรับเรากว้างกว่าที่เคย ด้วยนโยบาย “ฟรีวีซ่า” ที่ทำให้หลายคนใจฟูและเริ่มวางแผนเก็บกระเป๋า แต่เดี๋ยวก่อน การเดินทางที่ราบรื่นเริ่มต้นจากการเข้าใจกฎกติกาให้ถ่องแท้ คู่มือฉบับนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกขั้นตอนการขอวีซ่าจีนปี 2025 แบบละเอียดที่สุด อ่านจบแล้วรับรองว่าทำตามได้เองง่ายๆ เหมือนมีผู้เชี่ยวชาญมานั่งข้างๆ บอกทุกขั้นตอน พร้อมแล้วไปลุยกันเลย
“ฟรีวีซ่าจีน” เรื่องจริงหรือแค่ข่าวลือ เช็กก่อนเลยว่าคุณต้องขอวีซ่าไหม
คำถามยอดฮิตที่สุดในตอนนี้คือ “คนไทยไปจีนไม่ต้องขอวีซ่าแล้วใช่ไหม” คำตอบคือ ใช่แต่มีเงื่อนไข ซึ่งสำคัญมากๆ
ข่าวดีก็คือ ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2567 เป็นต้นมา ประเทศไทยและจีนได้บรรลุข้อตกลงยกเว้นวีซ่าระหว่างกันอย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้นักเดินทางชาวไทยสะดวกสบายขึ้นมาก แต่หัวใจสำคัญของเรื่องนี้อยู่ที่รายละเอียดของข้อตกลง ซึ่งสรุปให้เข้าใจง่ายๆ ได้ดังนี้
กฎทองของฟรีวีซ่าไทย-จีน
- ใครได้สิทธิ์: ผู้ถือหนังสือเดินทางธรรมดา (พาสปอร์ตเล่มสีเลือดหมูของเรานี่แหละ) ของประเทศไทย
- อยู่ได้นานแค่ไหน: สามารถเดินทางเข้าประเทศจีนและพำนักอยู่ได้นาน ไม่เกิน 30 วันต่อการเข้าประเทศหนึ่งครั้ง
- มีเงื่อนไขอะไรอีกไหม: มีเงื่อนไขสำคัญคือ ภายในระยะเวลา 180 วัน (ประมาณ 6 เดือน) คุณจะสามารถพำนักในจีนได้รวมกันแล้ว ไม่เกิน 90 วัน กฎข้อนี้มีไว้เพื่อป้องกันการใช้ฟรีวีซ่าเพื่อพำนักระยะยาวนั่นเอง
- ไปทำอะไรได้บ้าง: นโยบายฟรีวีซ่านี้ครอบคลุมวัตถุประสงค์การเดินทางเพื่อ การท่องเที่ยว, การติดต่อธุรกิจการค้า, และการเยี่ยมเยียนครอบครัวหรือเพื่อนฝูง เท่านั้น
เช็กลิสต์ด่วน: ใครบ้างที่ยัง “ต้องขอวีซ่า” อยู่
ถึงแม้จะมีฟรีวีซ่าแล้ว แต่ถ้าแผนการเดินทางของคุณเข้าข่ายข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้ คุณ จำเป็นต้องยื่นขอวีซ่า ตามปกติ ห้ามเดินทางไปโดยไม่มีวีซ่าเด็ดขาด
- ต้องการพำนักในจีนเกิน 30 วัน ต่อเนื่องในการเดินทางครั้งเดียว
- เดินทางไปเพื่อ ทำงาน (Work)
- เดินทางไปเพื่อ เรียนหนังสือ หรือศึกษาต่อ (Study)
- เดินทางไปเพื่อ ทำข่าว หรือเป็นผู้สื่อข่าว (News Reporting)
- มีวัตถุประสงค์อื่นๆ ที่ไม่ใช่การท่องเที่ยว, ธุรกิจ หรือเยี่ยมญาติระยะสั้น
การทำความเข้าใจเงื่อนไขนี้คือด่านแรกที่สำคัญที่สุด เพราะช่วยให้คุณไม่เสี่ยงถูกปฏิเสธการเข้าประเทศที่หน้าด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งจะทำให้ทริปในฝันของคุณต้องสะดุดลงทันที
เลือกวีซ่าให้ถูกประเภท เหมือนติดกระดุมเม็ดแรกให้ถูก
เมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าต้องขอวีซ่า ขั้นตอนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันคือการเลือกประเภทวีซ่าให้ถูกต้องตามวัตถุประสงค์การเดินทางของคุณ การเลือกวีซ่าผิดประเภทอาจทำให้ใบคำร้องของคุณถูกปฏิเสธได้ทันที ลองมาทำความรู้จักกับวีซ่าประเภทต่างๆ ที่คนไทยนิยมขอกันดีกว่า
วีซ่าจีนมีหลายประเภทและใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นรหัสแทน อาจจะดูน่าสับสนในตอนแรก แต่จริงๆ แล้วไม่ซับซ้อนเลย เรามาถอดรหัสกันแบบง่ายๆ ในตารางนี้
ตารางประเภทวีซ่าจีน (ฉบับเข้าใจง่าย)
วัตถุประสงค์การเดินทางของคุณ | รหัสวีซ่าที่ต้องเลือก | คำอธิบายง่ายๆ |
ไปเที่ยว, ช้อปปิ้ง, ชมเมือง | L | สำหรับนักท่องเที่ยวเต็มตัว |
ไปประชุม, ติดต่อธุรกิจ, ดูงาน, เจรจาการค้า | M | สำหรับนักธุรกิจและผู้ติดต่อการค้า |
ไปเยี่ยมญาติที่เป็น คนจีน หรือมีถิ่นที่อยู่ถาวรในจีน | Q2 (ไม่เกิน 180 วัน) / Q1 (เกิน 180 วัน) | สำหรับคนที่มีครอบครัวเป็นคนจีน |
ไปเยี่ยมญาติที่เป็น ชาวต่างชาติ ที่ทำงาน/เรียนในจีน | S2 (ไม่เกิน 180 วัน) / S1 (เกิน 180 วัน) | สำหรับคนที่มีครอบครัวเป็นชาวต่างชาติในจีน |
ไปเรียนหนังสือ, แลกเปลี่ยน | X2 (ไม่เกิน 180 วัน) / X1 (เกิน 180 วัน) | สำหรับนักเรียน นักศึกษา |
ไปทำงานตามสัญญาจ้าง | Z | สำหรับคนที่จะไปทำงานในจีน |
ข้อสังเกตสำคัญ: ความแตกต่างระหว่างวีซ่า Q และ S
หลายคนอาจสับสนระหว่างวีซ่าเยี่ยมญาติรหัส Q และ S จุดแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือ สัญชาติและสถานะของผู้เชิญ (คนที่คุณจะไปหา) ที่อยู่ในประเทศจีน
- เลือกวีซ่า Q: ถ้าญาติของคุณเป็น พลเมืองจีน หรือเป็นชาวต่างชาติที่ได้รับ สถานะผู้พำนักถาวรในจีน (Chinese Permanent Residence)
- เลือกวีซ่า S: ถ้าญาติของคุณเป็น ชาวต่างชาติ ที่พำนักในจีนชั่วคราวด้วยวีซ่าทำงาน (Z-Visa) หรือวีซ่านักเรียน (X-Visa)
จะเห็นได้ว่าระบบวีซ่าของจีนให้ความสำคัญกับสถานะของผู้เชิญอย่างมาก การเลือกประเภทวีซ่าให้ถูกต้องจึงขึ้นอยู่กับว่าคนที่คุณจะไปหานั้นเป็นใครและมีสถานะอะไรในจีน การเตรียมข้อมูลส่วนนี้ให้พร้อมและเลือกให้ถูกตั้งแต่แรกจะช่วยให้กระบวนการที่เหลือราบรื่นขึ้นมาก
แผนภาพรวม 4 ขั้นตอนสู่แดนมังกร เตรียม-กรอก-ยื่น-รับ
เมื่อเลือกประเภทวีซ่าได้แล้ว เรามาดูภาพรวมของกระบวนการทั้งหมดกัน กระบวนการขอวีซ่าจีนในปัจจุบันเป็นแบบผสมผสานระหว่างออนไลน์และออฟไลน์ หรือที่เราเรียกว่า “Digital-First, Physical-Follow-Up” ซึ่งแบ่งออกเป็น 4 ขั้นตอนหลักๆ ที่จำง่ายๆ คือ เตรียม-กรอก-ยื่น-รับ
ขั้นตอนที่ 1: เตรียมเอกสาร
รวบรวมเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดให้พร้อม ทั้งเอกสารพื้นฐานที่ทุกคนต้องใช้ และเอกสารประกอบเพิ่มเติมตามประเภทวีซ่าที่คุณเลือก การเตรียมตัวในขั้นตอนนี้ให้ดีคือหัวใจสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
ขั้นตอนที่ 2: กรอกฟอร์มออนไลน์และรอตรวจเบื้องต้น
เข้าไปที่เว็บไซต์ของศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าจีน (CVASC) เพื่อกรอกแบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าออนไลน์ (COVA Form) พร้อมทั้งอัปโหลดไฟล์เอกสารที่จำเป็น หลังจากส่งข้อมูลออนไลน์แล้ว คุณจะต้องรอให้ระบบทำการ “ตรวจเอกสารเบื้องต้น” (Preliminary Check) ก่อน
ข้อควรรู้: ขั้นตอนนี้สำคัญมาก คุณยังไม่สามารถเดินเข้าไปยื่นเอกสารที่ศูนย์ฯ ได้ทันทีหลังกรอกฟอร์มเสร็จ คุณต้องรอจนกว่าสถานะในระบบจะขึ้นว่า “Approved” หรือได้รับการยืนยันทางอีเมลเสียก่อน ซึ่งเป็นการคัดกรองเบื้องต้นว่าเอกสารที่คุณอัปโหลดนั้นมีความครบถ้วนในระดับหนึ่ง
ขั้นตอนที่ 3: ยื่นเอกสารที่ศูนย์ฯ
เมื่อสถานะออนไลน์ของคุณผ่านการตรวจเบื้องต้นแล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางไปยังศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าจีน (CVASC) พร้อมกับเอกสารฉบับจริงทั้งหมด เพื่อยื่นเอกสาร, เก็บข้อมูลลายนิ้วมือ (หากจำเป็น), และชำระค่าธรรมเนียม
ขั้นตอนที่ 4: รับเล่มคืน
หลังจากยื่นเอกสารเรียบร้อย เจ้าหน้าที่จะให้ใบนัดรับคืน คุณจะต้องกลับมาที่ศูนย์ฯ อีกครั้งตามวันที่กำหนดเพื่อรับหนังสือเดินทางคืน พร้อมกับวีซ่าจีนที่ประทับตราอยู่ข้างใน
การมองเห็นภาพรวมทั้ง 4 ขั้นตอนนี้จะช่วยให้คุณวางแผนและจัดลำดับการเตรียมตัวได้ดียิ่งขึ้น
เอกสารพื้นฐานที่ทุกคนต้องมี
ไม่ว่าคุณจะขอวีซ่าประเภทไหนก็ตาม เอกสารชุดนี้คือสิ่งที่คุณต้องเตรียมให้พร้อม
- หนังสือเดินทาง (Passport) เล่มจริง:
- ต้องมีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 6 เดือน นับจากวันที่คุณวางแผนจะเดินทางเข้าประเทศจีน
- ต้องมีหน้าว่างสำหรับประทับตราวีซ่าอย่างน้อย 2 หน้าเต็ม
- สำเนาหนังสือเดินทาง: ถ่ายสำเนาหน้าข้อมูลส่วนตัวของพาสปอร์ต (หน้าที่มีรูปและข้อมูลของคุณ) ให้ชัดเจน 1 ฉบับ
- แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่าที่พิมพ์ออกมา: หลังจากกรอกฟอร์มออนไลน์ (COVA) เสร็จสิ้น คุณต้องพิมพ์เอกสาร 2 ส่วนออกมาคือ
- หน้ายืนยันการยื่นคำร้อง (Confirmation Page)
- หน้าสุดท้ายของแบบฟอร์ม (หน้าที่ 8) ซึ่งเป็นส่วนที่คุณต้อง เซ็นชื่อและลงวันที่ด้วยลายมือของคุณเอง
- รูปถ่ายสีสำหรับติดวีซ่า: 1 ใบ (ดูรายละเอียดข้อกำหนดของรูปถ่ายในหัวข้อถัดไป)
- สำเนาวีซ่าจีนเก่า (ถ้ามี): หากคุณเคยได้รับวีซ่าจีนมาก่อน ไม่ว่าจะในพาสปอร์ตเล่มปัจจุบันหรือเล่มเก่า ให้ถ่ายสำเนาหน้าวีซ่านั้นแนบไปด้วยเพื่อแสดงประวัติการเดินทางที่ดี
ถ่ายรูปติดวีซ่าจีน ไม่ใช่แค่สวย แต่ต้องเป๊ะทุกมิลลิเมตร
การปฏิเสธวีซ่าด้วยเหตุผลว่า “รูปถ่ายไม่ถูกต้อง” เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมาก สถานทูตจีนมีข้อกำหนดเรื่องรูปถ่ายที่เข้มงวดและเฉพาะเจาะจงอย่างยิ่ง เพราะรูปถ่ายของคุณจะถูกนำไปใช้ในระบบไบโอเมตริกซ์ (Biometrics) ดังนั้น ทุกรายละเอียดจึงสำคัญมาก
เช็กลิสต์รูปถ่ายวีซ่าจีน (ต้องเป๊ะตามนี้เท่านั้น):
- ขนาดรูป: ต้องมีขนาด ความสูง 48 มิลลิเมตร x ความกว้าง 33 มิลลิเมตร เท่านั้น อย่าใช้ขนาด 1 นิ้ว หรือ 2 นิ้ว เพราะเป็นเพียงขนาดโดยประมาณและอาจไม่ถูกต้อง
- พื้นหลัง: ต้องเป็น สีขาวล้วน ไม่มีลวดลาย เงา หรือวัตถุอื่นใดในภาพ
- อายุของรูป: ต้องเป็นรูปที่ถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน
- การจัดองค์ประกอบ:
- ต้องเห็นใบหน้าเต็ม, มองตรงมาที่กล้อง
- ต้องเห็นหูทั้งสองข้างและคิ้วอย่างชัดเจน ห้ามมีผมมาปิดบัง
- แสดงสีหน้าเป็นกลาง (ห้ามยิ้มเห็นฟัน) ตาเปิด และปากปิดสนิท
- เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับ:
- ห้ามสวมหมวก หรือผ้าคลุมศีรษะ (ยกเว้นเหตุผลทางศาสนา แต่ต้องไม่ปิดบังส่วนใดของใบหน้า)
- ห้ามสวมแว่นตาที่มีกรอบหนา, แว่นตาสี หรือแว่นตาที่สะท้อนแสงจนบดบังดวงตา ทางที่ดีที่สุดคือถอดแว่นก่อนถ่าย
- ห้ามสวมเครื่องแบบ เช่น เครื่องแบบทหาร ตำรวจ หรือข้าราชการ
- คุณภาพกระดาษ: ต้องพิมพ์ลงบน กระดาษสำหรับอัดรูปถ่ายแบบผิวมัน (Glossy Finish) เท่านั้น ห้ามใช้กระดาษผิวด้าน (Matte) หรือกระดาษธรรมดา
เคล็ดลับสุดยอด: เพื่อความชัวร์ 100% ให้เดินเข้าไปในร้านถ่ายรูปและบอกว่า “ถ่ายรูปสำหรับทำวีซ่าจีน” ร้านที่มีประสบการณ์จะทราบข้อกำหนดเหล่านี้ดี หรือคุณสามารถเซฟรูปตัวอย่างข้อกำหนดจากเว็บไซต์ของศูนย์วีซ่าไปให้ช่างภาพดูได้เลย การลงทุนกับรูปถ่ายที่ถูกต้องเพียงไม่กี่ร้อยบาท ดีกว่าต้องเสียเวลาและอาจถูกปฏิเสธวีซ่า
เอกสารเพิ่มเติมตามประเภทวีซ่า
นอกจากเอกสารพื้นฐานแล้ว คุณต้องเตรียมเอกสารเพิ่มเติมที่แตกต่างกันไปตามประเภทวีซ่าที่คุณยื่นขอ
สำหรับวีซ่าท่องเที่ยว (L-Visa):
- หลักฐานการเดินทาง:
- ใบจองตั๋วเครื่องบินไป-กลับ
- ใบจองโรงแรมหรือที่พักตลอดระยะเวลาที่พำนักในประเทศจีน (ต้องมีชื่อของผู้ยื่นขอวีซ่าปรากฏอยู่ในใบจอง)
สำหรับวีซ่าธุรกิจ (M-Visa):
- หนังสือเชิญ (Invitation Letter): ออกโดยบริษัทคู่ค้าหรือหน่วยงานในประเทศจีน โดยในจดหมายต้องระบุข้อมูลของผู้ยื่นขอวีซ่า, วัตถุประสงค์การเดินทาง, กำหนดการเดินทาง, และข้อมูลของฝ่ายผู้เชิญอย่างละเอียด รวมถึงชื่อผู้ติดต่อและเบอร์โทรศัพท์มือถือของผู้ที่ลงนามในจดหมายเชิญ
- อาจต้องใช้สำเนาใบอนุญาตประกอบธุรกิจ (Business License) ของบริษัทผู้เชิญในจีนด้วย
สำหรับวีซ่าเยี่ยมญาติระยะสั้น (Q2/S2-Visa):
- หนังสือเชิญ (Invitation Letter): ออกโดยญาติที่พำนักอยู่ในประเทศจีน
- สำเนาเอกสารประจำตัวของผู้เชิญ:
- กรณีผู้เชิญเป็นคนจีน: สำเนาบัตรประชาชนจีน (ด้านหน้าและด้านหลัง)
- กรณีผู้เชิญเป็นชาวต่างชาติ: สำเนาหน้าพาสปอร์ตและสำเนาใบอนุญาตพำนักในจีน (Residence Permit) ที่ยังไม่หมดอายุ
- หลักฐานแสดงความสัมพันธ์: สำเนาเอกสารที่พิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับผู้เชิญ เช่น ทะเบียนสมรส, สูติบัตร เป็นต้น
สำหรับวีซ่านักเรียนระยะสั้น (X2-Visa):
- ใบตอบรับเข้าศึกษา (Admission Notice): ต้นฉบับและสำเนา จากสถาบันการศึกษาในประเทศจีน
การเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้ครบถ้วนและถูกต้องเป็นเหมือนการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับใบคำร้องขอวีซ่าของคุณ
ด่าน COVA วิธีกรอกฟอร์มวีซ่าออนไลน์แบบละเอียด
ด่านที่หลายคนกังวลที่สุดคือการกรอกแบบฟอร์มออนไลน์ หรือที่เรียกว่า COVA (China Online Visa Application) เพราะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ แต่ไม่ต้องห่วง เราจะค่อยๆ ผ่านมันไปด้วยกัน
สิ่งแรกที่ต้องทำคือเข้าไปที่เว็บไซต์ของศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าจีน www.visaforchina.cn จากนั้นเลือกลงทะเบียนและเริ่มต้นกรอกแบบฟอร์มโดยเลือกศูนย์บริการที่คุณจะไปยื่นเอกสาร (กรุงเทพฯ หรือ เชียงใหม่)
สิ่งที่ต้องเตรียมก่อนเริ่มกรอกฟอร์ม:
- ข้อมูลส่วนตัว: ข้อมูลจากพาสปอร์ต, หมายเลขบัตรประชาชน
- ไฟล์รูปถ่ายดิจิทัล: รูปถ่ายที่ถูกต้องตามข้อกำหนดที่กล่าวไปข้างต้น
- ข้อมูลการเดินทาง: หมายเลขเที่ยวบิน, ที่อยู่โรงแรมในจีน
- ข้อมูลการทำงานและการศึกษา: ชื่อและที่อยู่ของที่ทำงาน/สถานศึกษาปัจจุบันและในอดีต
- ข้อมูลครอบครัว: ชื่อ, วันเกิด, อาชีพ ของสมาชิกในครอบครัว
เคล็ดลับพิชิตฟอร์มออนไลน์
- จด Application ID ไว้: เมื่อเริ่มกรอกฟอร์ม ระบบจะสร้างหมายเลขใบคำร้อง (Application ID) ให้คุณทันที ให้จดหรือบันทึกหมายเลขนี้ไว้ให้ดี เพราะคุณต้องใช้มันเพื่อกลับเข้ามาแก้ไขหรือติดตามสถานะ
- ความถูกต้องคือหัวใจ: ข้อมูลทุกอย่างที่คุณกรอกในฟอร์มต้องตรงกับเอกสารจริงทุกประการ เช่น ชื่อ-นามสกุลต้องสะกดเหมือนในพาสปอร์ตเป๊ะๆ หากข้อมูลไม่ตรงกัน อาจเป็นเหตุให้วีซ่าถูกปฏิเสธ
- Save บ่อยๆ: แบบฟอร์มมีหลายหน้าและอาจหมดเวลา (Time out) ได้ ให้กดบันทึก (Save) ความคืบหน้าบ่อยๆ เพื่อป้องกันข้อมูลหาย
- ตอบให้ครบทุกช่อง: พยายามตอบคำถามทุกข้อ หากข้อมูลส่วนไหนไม่มีหรือไม่เกี่ยวข้อง ให้เลือก “Not Applicable” หรือ “N/A”
- อัปโหลดเอกสาร: ในขั้นตอนท้ายๆ ระบบจะให้คุณอัปโหลดไฟล์เอกสารประกอบ เช่น สำเนาพาสปอร์ต, ใบจองต่างๆ เตรียมสแกนหรือถ่ายรูปเอกสารเหล่านี้เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรือมือถือให้พร้อม
- ตรวจสอบขั้นสุดท้าย: ก่อนกดส่ง (Submit) ใบคำร้อง ให้ใช้เวลาทบทวนข้อมูลที่กรอกไปทั้งหมดอีกครั้งอย่างละเอียดถี่ถ้วน
หลังจากที่คุณกดส่งใบคำร้องแล้ว อย่าลืมเข้าไปตรวจสอบสถานะในระบบเป็นระยะๆ ผ่านเมนู “Track My Application” จนกว่าสถานะจะเปลี่ยนเป็น “Approved” ซึ่งเป็นสัญญาณว่าคุณพร้อมสำหรับขั้นตอนต่อไปแล้ว
วันยื่นเอกสาร ณ ศูนย์วีซ่าจีน (CVASC) ต้องทำอะไรบ้าง
เมื่อคุณได้รับไฟเขียวจากระบบออนไลน์แล้ว ก็ถึงเวลาเดินทางไปยื่นเอกสารฉบับจริงที่ศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าจีน หรือ CVASC (Chinese Visa Application Service Center) ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับมอบหมายจากสถานทูตให้เป็นผู้ดำเนินการรับคำร้อง
ที่ตั้งและเวลาทำการ:
- ศูนย์ฯ กรุงเทพ:
- ที่ตั้ง: อาคารธนภูมิ ชั้น 5 เลขที่ 1550 ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ
- เวลายื่นเอกสาร: 9:00 – 15:00 น
- เวลารับเล่มคืน: 9:00 – 16:00 น
- วันทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการและวันหยุดพิเศษของจีน)
- ศูนย์ฯ เชียงใหม่:
- ที่ตั้ง: โครงการ กรีน มอลล์ พลัส 3 เลขที่ 161/48 หมู่ 4 ตำบลหนองป่าครั่ง อำเภอเมืองเชียงใหม่
- เวลายื่นและรับเอกสาร: 10:00 – 15:00 น
- วันทำการ: วันจันทร์ – ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดราชการและวันหยุดพิเศษของจีน)
ข่าวดี: ไม่ต้องนัดคิวล่วงหน้า
ปัจจุบันศูนย์ฯ วีซ่าจีนในประเทศไทยได้ยกเลิกระบบการจองคิวนัดหมายล่วงหน้าแล้ว คุณสามารถเตรียมเอกสารให้พร้อมและเดินทางไปยื่นได้เลยในวันและเวลาทำการ (Walk-in)
ขั้นตอนในวันยื่นเอกสาร:
- เดินทางไปที่ศูนย์ฯ: แนะนำให้ไปถึงแต่เช้า โดยเฉพาะช่วงต้นสัปดาห์หรือหลังวันหยุดยาว เพราะคนอาจจะเยอะเป็นพิเศษ
- รับบัตรคิว: เมื่อไปถึง ให้ติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อรับบัตรคิวสำหรับยื่นเอกสาร
- ยื่นเอกสาร: เมื่อถึงคิวของคุณ ให้ยื่นเอกสารทั้งหมดที่คุณเตรียมมา (ทั้งฉบับจริงและสำเนา) ให้เจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์
- เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ: เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบความครบถ้วนและความถูกต้องของเอกสารอย่างละเอียด หากมีเอกสารไม่ครบหรือรูปถ่ายไม่ถูกต้อง คุณอาจต้องกลับไปแก้ไขและมาใหม่อีกครั้ง
- เก็บลายนิ้วมือ : หากคุณไม่เข้าข่ายได้รับการยกเว้น คุณจะต้องไปที่เคาน์เตอร์สำหรับเก็บข้อมูลลายนิ้วมือทั้ง 10 นิ้ว
- ชำระเงิน: ไปที่เคาน์เตอร์การเงินเพื่อชำระค่าธรรมเนียมวีซ่าและค่าบริการของศูนย์ฯ โดยส่วนใหญ่มักรับชำระเป็นเงินสด
- รับใบนัด: หลังจากชำระเงินเรียบร้อย คุณจะได้รับ ใบนัดรับหนังสือเดินทางคืน (Pickup Form) ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญอย่างยิ่ง ห้ามทำหายเด็ดขาด เพราะต้องใช้เป็นหลักฐานในการมารับเล่มคืน
ใครบ้างที่ได้รับการ “ยกเว้น” การเก็บลายนิ้วมือ
- เด็กอายุต่ำกว่า 14 ปี และผู้สูงอายุเกิน 70 ปี
- ผู้ที่เคยเก็บลายนิ้วมือสำหรับขอวีซ่าจีนด้วยพาสปอร์ตเล่มเดียวกันภายใน 5 ปีที่ผ่านมา
- ประกาศยกเว้นชั่วคราว (โปรดตรวจสอบข้อมูลล่าสุดอีกครั้ง): มีการขยายเวลายกเว้นการเก็บลายนิ้วมือสำหรับผู้ที่ยื่นขอวีซ่าประเภทเข้า-ออกครั้งเดียวหรือสองครั้ง ในกลุ่มวีซ่าธุรกิจ (M), ท่องเที่ยว (L), เยี่ยมญาติ (Q2), ผ่านแดน (G) และลูกเรือ (C) ไปจนถึงสิ้นปี 2567 หรืออาจมีประกาศขยายเวลาต่อไปอีก
ค่าใช้จ่ายทั้งหมด: ค่าธรรมเนียมวีซ่า + ค่าบริการศูนย์ฯ
ค่าใช้จ่ายในการขอวีซ่าจีนประกอบด้วย 2 ส่วนหลักๆ คือ
- ค่าธรรมเนียมวีซ่า (Visa Fee): เป็นค่าธรรมเนียมที่ศูนย์ฯ เรียกเก็บแทนสถานทูตจีน
- ค่าบริการของศูนย์ฯ (Service Fee): เป็นค่าดำเนินการและบริการของศูนย์ CVASC
คุณจะต้องชำระยอดรวมของทั้งสองส่วนนี้ในวันที่ยื่นเอกสาร อัตราค่าธรรมเนียมจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับ จำนวนครั้งที่เข้า-ออก (Single, Double, Multiple) และ ความเร็วในการดำเนินการ (ธรรมดา, ด่วน, ด่วนพิเศษ)
เพื่อความชัดเจน ตารางด้านล่างนี้ได้รวบรวม ค่าใช้จ่ายทั้งหมด สำหรับผู้ถือสัญชาติไทยมาให้เรียบร้อยแล้ว (อัปเดตล่าสุดปี 2025)
ตารางค่าธรรมเนียมวีซ่าจีนสำหรับสัญชาติไทย (ราคารวมทุกอย่างแล้ว)
ประเภทการเข้า-ออก | บริการแบบธรรมดา (4 วันทำการ) | บริการแบบด่วน (3 วันทำการ) | บริการแบบด่วนพิเศษ (2 วันทำการ) |
เข้า-ออก 1 ครั้ง (Single Entry) | 1,515 บาท | 2,680 บาท | 3,480 บาท |
เข้า-ออก 2 ครั้ง (Double Entry) | 2,265 บาท | 3,430 บาท | 4,230 บาท |
เข้า-ออกหลายครั้ง (6 เดือน) | 3,015 บาท | 4,180 บาท | 4,980 บาท |
เข้า-ออกหลายครั้ง (12 เดือน) | 4,135 บาท | 5,300 บาท | 6,100 บาท |
หมายเหตุ: ราคาดังกล่าวเป็นยอดรวมค่าธรรมเนียมสถานทูตและค่าบริการของศูนย์วีซ่าแล้ว และอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ กรุณาตรวจสอบจากเว็บไซต์ทางการของศูนย์ฯ วีซ่าอีกครั้งก่อนยื่น
ตารางนี้จะช่วยให้คุณวางแผนงบประมาณและตัดสินใจได้ง่ายขึ้นว่าต้องการใช้บริการแบบใดที่เหมาะสมกับแผนการเดินทางและงบประมาณของคุณ
เคล็ดลับจากวงในและคำถามที่พบบ่อย
มาถึงส่วนสุดท้ายกับเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยและคำตอบสำหรับคำถามที่หลายคนสงสัย ซึ่งจะช่วยให้การขอวีซ่าของคุณสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
Q: ควรยื่นขอวีซ่าล่วงหน้านานแค่ไหน
A: ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือ ประมาณ 3-4 สัปดาห์ก่อนวันเดินทาง ไม่ควรยื่นเร็วจนเกินไป (เช่น ล่วงหน้า 4-5 เดือน) เพราะวีซ่าที่ได้รับอาจมีอายุจำกัดและอาจหมดอายุก่อนที่คุณจะเดินทาง แต่ก็ไม่ควรยื่นกระชั้นชิดเกินไปจนต้องลุ้น
Q: ใช้บริการเอเจนซี่รับทำวีซ่าดีไหม
A: การใช้บริการเอเจนซี่เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่มั่นใจในการเตรียมเอกสาร เอเจนซี่จะช่วยตรวจสอบความถูกต้องและให้คำแนะนำได้ แต่สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ หากคุณต้องเก็บลายนิ้วมือ คุณยังคงต้องเดินทางไปที่ศูนย์ฯ ด้วยตัวเอง เอเจนซี่ไม่สามารถทำขั้นตอนนี้แทนคุณได้
Q: เมื่อเดินทางถึงจีนแล้ว ต้องทำอะไรอีกไหม
A: มีกฎสำคัญข้อหนึ่งที่นักเดินทางอิสระมักไม่ทราบคือ หากคุณ ไม่ได้พักที่โรงแรม (เช่น พักบ้านเพื่อนหรือญาติ) ตามกฎหมายแล้วคุณมีหน้าที่ต้องไป รายงานตัวและลงทะเบียนที่พักอาศัยชั่วคราวกับสถานีตำรวจในท้องที่ ที่คุณพักอยู่ภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากเดินทางถึง หากคุณพักโรงแรม ทางโรงแรมจะดำเนินการส่วนนี้ให้โดยอัตโนมัติ
Q: จะตรวจสอบสถานะการยื่นขอวีซ่าได้อย่างไร
A: คุณสามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ของศูนย์ฯ วีซ่า และใช้หมายเลขใบคำร้อง (Application ID) ของคุณเพื่อตรวจสอบสถานะผ่านเมนู “Track My Application”
Q: ถ้าใบคำร้องถูกปฏิเสธ จะได้เงินคืนไหม
A: ไม่ได้ ค่าธรรมเนียมทั้งหมดที่ชำระไปแล้วจะไม่สามารถขอคืนได้ในทุกกรณี นี่คือเหตุผลว่าทำไมการเตรียมเอกสารให้สมบูรณ์แบบตั้งแต่ครั้งแรกจึงสำคัญที่สุด
The Golden Rule: กฎเหล็กที่ต้องจำให้ขึ้นใจ
นโยบายและข้อกำหนดต่างๆ อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ก่อนที่คุณจะเริ่มกระบวนการใดๆ ให้เข้าไปตรวจสอบประกาศล่าสุดในหน้าข่าวสารบนเว็บไซต์ทางการของศูนย์บริการยื่นขอวีซ่าจีน (www.visaforchina.cn) ทุกครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมีข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด
หวังว่าคู่มือฉบับสมบูรณ์นี้จะเป็นประโยชน์และช่วยคลายความกังวลในการเตรียมตัวขอวีซ่าจีนให้กับทุกคนได้ การเตรียมตัวที่ดีคือบันไดขั้นแรกสู่การเดินทางที่น่าประทับใจ ขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทางในแดนมังกร