ไวยากรณ์จีน HSK 1-6 แต่ละระดับมีอะไรต่างกันบ้าง

by admin

 

 

 

ปูทางสู่ความสำเร็จในการพิชิต HSK

การเตรียมตัวสอบวัดระดับความรู้ภาษาจีน หรือ HSK นั้น หลายคนมักจะมุ่งไปที่การท่องศัพท์เป็นหลัก แต่หัวใจสำคัญที่เปรียบเสมือนโครงสร้างของบ้านที่มองไม่เห็นกลับเป็น “ไวยากรณ์” การเรียนไวยากรณ์ HSK ทั้ง 6 ระดับก็เหมือนกับการสร้างบ้าน จากฐานรากที่แข็งแรงในระดับ 1-2 ค่อยๆ ก่อกำแพงและโครงสร้างในระดับ 3-4 และตกแต่งให้สวยงามพร้อมใช้งานอย่างสละสลวยในระดับ 5-6 แต่ละระดับไม่ได้ถูกสร้างขึ้นมาอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นการต่อยอดความรู้เดิมให้ลึกซึ้งและซับซ้อนยิ่งขึ้นไปเรื่อยๆ

บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจการเดินทางของไวยากรณ์จีนตั้งแต่ HSK 1 ถึง 6 อย่างละเอียด เพื่อให้เห็นภาพว่าในแต่ละระดับมี “อิฐก้อนใหม่” อะไรเพิ่มเข้ามา และมันวางอยู่บน “อิฐก้อนเก่า” ที่เราเคยเรียนมาแล้วได้อย่างไร ความเข้าใจนี้จะช่วยให้การเรียนภาษาจีนของคุณมีเหตุมีผลและเป็นระบบมากขึ้น ที่สำคัญคือคุณจะเข้าใจว่าทำไมความยากถึงก้าวกระโดดอย่างเห็นได้ชัดในช่วงเปลี่ยนผ่านจากระดับ 4 ไป 5 และจาก 5 ไป 6 ซึ่งเป็นความรู้สึกที่ผู้เรียนหลายคนต้องเผชิญ การเตรียมใจให้พร้อมกับความท้าทายเหล่านี้จะทำให้คุณไม่ท้อถอยกลางทาง

 

HSK ระดับ 1-2

เป้าหมายหลักของ HSK ระดับ 1 และ 2 คือ “การสื่อสารเพื่อเอาตัวรอด” ไวยากรณ์ในระดับนี้จึงเน้นการสร้างประโยคสั้นๆ ง่ายๆ แต่ถูกต้องตามหลัก เพื่อบอกความต้องการพื้นฐาน ถามข้อมูลที่จำเป็น และทำความเข้าใจบทสนทนาในชีวิตประจำวันได้ จำนวนคำศัพท์ที่ต้องรู้คือ 150 คำสำหรับ HSK 1 และเพิ่มอีก 150 คำใน HSK 2 รวมเป็น 300 คำ

ไวยากรณ์ในระดับนี้เปรียบเสมือนการได้รับ “ชิ้นส่วนเลโก้พื้นฐาน” ที่จำเป็นที่สุด คุณจะได้ชิ้นส่วนที่เป็นคำนาม (คน สัตว์ สิ่งของ) คำกริยา (กิน ดื่ม ไป มา) และคำคุณศัพท์ (ใหญ่ เล็ก ดี) พร้อมกับแผ่นฐานที่แข็งแรงที่สุด นั่นคือโครงสร้างประโยคพื้นฐาน เป้าหมายของระดับนี้คือการให้คุณสามารถ “ประกอบ” ชิ้นส่วนเหล่านี้เพื่อสร้างการสื่อสารที่ใช้งานได้จริง เช่น เมื่อคุณได้เลโก้บล็อก (ฉัน), (ไป),  学校 (โรงเรียน) คุณจะสามารถต่อมันเพื่อสร้างประโยค 我去学校 (ฉันไปโรงเรียน) ได้ทันที การสะสมชิ้นส่วนพื้นฐานเหล่านี้ให้มากและแม่นยำที่สุดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง

หัวใจไวยากรณ์ HSK 1-2

  • โครงสร้างประโยคพื้นฐาน : หัวใจของภาษาจีนคือโครงสร้าง ประธาน + กริยา + กรรม ซึ่งเป็นรากฐานของประโยคแทบทุกชนิดในภาษาจีน ตัวอย่างเช่น 我爱你 (Wǒ ài nǐ) หรือ 妈妈做晚饭 (Māma zuò wǎnfàn)
  • การสร้างประโยคคำถาม :
    • คำถามใช่หรือไม่: วิธีที่ง่ายที่สุดคือการเติมคำว่า (ma) ต่อท้ายประโยคบอกเล่า เช่น 你是中国人吗 (Nǐ shì Zhōngguórén ma) (คุณเป็นคนจีนไหม)
    • คำถามปลายเปิด: ใช้ปุจฉาสรรพนาม (疑问代词) เพื่อถามข้อมูลเฉพาะ เช่น (shéi – ใคร), 什么 (shénme – อะไร), 哪儿 (nǎr – ที่ไหน), 怎么 (zěnme – อย่างไร), (jǐ – กี่)
    • คำถามย้อนกลับ (A-not-A): เป็นอีกวิธีในการถามว่าใช่หรือไม่ โดยใช้รูปแบบ กริยา/คุณศัพท์ + + กริยา/คุณศัพท์ เช่น 你去不去 (nǐ qù bú qù) (เธอไปหรือไม่ไป)
  • คำวิเศษณ์พื้นฐาน (Basic Adverbs):
    • การปฏิเสธ: นี่คือจุดที่คนไทยสับสนบ่อยที่สุด ต้องแยกความแตกต่างระหว่าง (bù) ที่ใช้ปฏิเสธการกระทำในปัจจุบัน อนาคต หรือข้อเท็จจริงทั่วไป (เช่น 是学生 – ฉันไม่ใช่นักเรียน) กับ (méi) หรือ 没有 (méiyǒu) ที่ใช้ปฏิเสธการกระทำที่เกิดขึ้นในอดีต หรือปฏิเสธการมีอยู่ (เช่น – ฉันไม่ได้ไป)
    • การบอกระดับ: คำที่พบบ่อยที่สุดคือ (hěn – มาก) ซึ่งมักจะวางไว้หน้าคำคุณศัพท์ เช่น 房间很干净 (Fángjiān hěn gānjìng – ห้องสะอาดมาก)
    • การบอกขอบเขต: (dōu – ล้วน, ทั้งหมด) และ (yě – ก็ด้วย) เป็นคำสำคัญที่ใช้แสดงความคล้อยตามกัน เช่น 我们来了 (Wǒmen dōu lái le – พวกเรามากันหมดแล้ว), 他是学生,是学生 (Tā shì xuésheng, wǒ shì xuésheng – เขาเป็นนักเรียน ฉันก็เป็นนักเรียนเหมือนกัน)
  • คำช่วยที่ขาดไม่ได้ (Essential Particles):
    • (de) ใช้แสดงความเป็นเจ้าของ เช่น 我的书 (wǒ de shū – หนังสือของฉัน)
    • (le) เป็นคำที่สำคัญมาก ใช้บ่งบอกว่าการกระทำนั้นสิ้นสุดลงแล้ว หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นแล้ว เช่น 下雨了 (Xià yǔ le – ฝนตกแล้ว)
    • (ne) ใช้ถามกลับอย่างง่ายๆ เช่น 我很好,你呢 (Wǒ hěn hǎo, nǐ ne – ฉันสบายดี แล้วเธอล่ะ) หรือใช้เน้นว่าการกระทำกำลังดำเนินอยู่ เช่น 我在睡觉呢 (Wǒ zài shuìjiào ne – ฉันกำลังนอนหลับอยู่)
  • กริยานุเคราะห์ (Modal Verbs):
    • แสดงความต้องการ: (xiǎng – อยากจะ) และ (yào – ต้องการ, จะเอา)
    • แสดงความสามารถ: (huì – เป็น จากการเรียนรู้) และ (néng – สามารถ จากการมีศักยภาพหรือได้รับอนุญาต)
  • การเปรียบเทียบเบื้องต้น: ใช้โครงสร้าง ` คุณศัพท์** เพื่อเปรียบเทียบคุณสมบัติ เช่น 哥哥比弟弟高 (Gēge bǐ dìdi gāo – พี่ชายสูงกว่าน้องชาย)
  • การซ้ำคำ (重叠): เริ่มพบการใช้เทคนิคนี้เพื่อทำให้ความหมายของคำเบาลงหรือเปลี่ยนไปเล็กน้อย
    • ซ้ำคำนาม (AA): เช่น 人人 (rénrén) หมายถึง ทุกๆ คน
    • ซ้ำคำกริยา (AA): เช่น 看看 (kànkan – ลองดูหน่อย), 问问 (wènwen – ลองถามหน่อย) เพื่อทำให้การกระทำนั้นดูไม่จริงจัง เป็นการลองทำ

 

คำศัพท์และวลีที่ควรรู้ HSK 1-2

ตัวอักษรจีนPinyinคำอ่านภาษาไทยคำแปล
หว่อฉัน
หนี่เธอ, คุณ
/ทาเขา/เธอ (ผู้หญิง)
shìชื่อเป็น, คือ, ใช่
ปู้ไม่
méiเหมยไม่ได้ (ใช้กับอดีต), ไม่มี
hěnเหิ่นมาก
hǎoห่าวดี
ต้าใหญ่
xiǎoเสี่ยวเล็ก
chīชือกิน
เฮอดื่ม
ชวี่ไป
学校xuéxiàoเสวียเสี้ยวโรงเรียน
朋友péngyouเผิงโหย่วเพื่อน
deเตอของ
leเลอแล้ว
maมะไหม
什么shénmeเฉินเมออะไร
shéiเฉยใคร
哪儿nǎrหน่าร์ที่ไหน
เหย่ก็…เหมือนกัน
dōuโตวล้วน, ทั้งหมด
ปี่กว่า (ใช้เปรียบเทียบ)
xiǎngเสี่ยงอยากจะ, คิด
yàoเย่าต้องการ, จะเอา
huìฮุ่ยเป็น, สามารถ (จากการเรียนรู้)
néngเหนิงสามารถ (มีศักยภาพ)
漂亮piàoliangเพี่ยวเลี่ยงสวย
高兴gāoxìngเกาซิ่งดีใจ

 

HSK ระดับ 3-4 เชื่อมโยงความคิด พิชิตความซับซ้อน

เมื่อผ่านระดับ 1-2 มาแล้ว คุณจะมี “ชิ้นส่วนเลโก้” พื้นฐานเพียงพอที่จะสื่อสารได้ แต่ในระดับ 3-4 นี้ เกมจะเปลี่ยนไป คุณจะได้เรียนรู้วิธี “เชื่อมต่อ” ชิ้นส่วนเหล่านั้นเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งที่ซับซ้อนและมีรายละเอียดมากขึ้น จำนวนคำศัพท์จะเพิ่มขึ้นเป็น 300 คำสำหรับ HSK 3 และอีก 600 คำสำหรับ HSK 4 ทำให้คลังศัพท์รวมของคุณอยู่ที่ 1,200 คำ

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดในระดับนี้คือการเปลี่ยนโฟกัสจากการบอกว่า “เกิดอะไรขึ้น” (What) ไปสู่การอธิบายว่า “มันเกิดขึ้นอย่างไร” (How) หากใน HSK 1-2 คุณบอกได้ว่า 我吃饭了 (Wǒ chīfàn le – ฉันกินข้าวแล้ว) ในระดับนี้คุณจะสามารถอธิบายเพิ่มเติมได้ว่า 吃完 (Wǒ chīwán le – ฉันกินเสร็จแล้ว) หรือ 我吃得很快 (Wǒ chī de hěn kuài – ฉันกินเร็วมาก) นี่คือการอัปเกรดความสามารถทางภาษาจากการเป็น “ผู้รายงานข่าว” ไปสู่การเป็น “นักเล่าเรื่อง” ที่สามารถบรรยายฉากและอารมณ์ได้อย่างมีสีสัน

นอกจากนี้ HSK 3-4 ยังเป็นจุดเริ่มต้นของการเรียนรู้ “ความละเอียดอ่อน” (Nuance) ของภาษา คุณจะพบกับคำศัพท์คู่ที่มีความหมายคล้ายกันในภาษาไทย แต่ใช้ต่างกันในภาษาจีน เช่น 常常 (chángcháng) และ 往往 (wǎngwǎng) นี่เป็นสัญญาณว่าการสอบไม่ได้วัดแค่ว่าคุณ “สื่อสารรู้เรื่องหรือไม่” แต่เริ่มทดสอบว่าคุณ “เลือกใช้คำได้เหมาะสมกับบริบทหรือไม่” ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในการก้าวสู่การใช้ภาษาจีนระดับสูง

 

หัวใจไวยากรณ์ HSK 3-4

  • เจาะลึกบทเสริม (补语 – bǔyǔ): นี่คือเครื่องมือชิ้นเอกของนักเล่าเรื่อง ใช้เพื่อเพิ่มรายละเอียดให้กับการกระทำ
    • บทเสริมบอกผล (结果补语): วางไว้หลังกริยาเพื่อบอกผลลัพธ์ของการกระทำนั้นๆ เช่น (kànwán – ดูจบ), (tīngdǒng – ฟังเข้าใจ), (zhǎodào – หาเจอ)
    • บทเสริมบอกระดับ (程度补语): ใช้คำช่วย (de) เพื่อเชื่อมกริยากับคำคุณศัพท์ที่มาขยาย เพื่อบรรยายว่าการกระทำนั้นมีระดับเป็นอย่างไร เช่น 他跑得很快 (Tā pǎo de hěn kuài – เขาวิ่งเร็วมาก)
    • บทเสริมบอกจำนวน (数量补语): ใช้วางหลังกริยาเพื่อบอกระยะเวลาหรือจำนวนครั้งที่การกระทำนั้นเกิดขึ้น เช่น 我学了一个小时汉语 (Wǒ xuéle yí ge xiǎoshí Hànyǔ – ฉันเรียนภาษาจีนมา 1 ชั่วโมง)
  • ประโยค (bǎ): เป็นไวยากรณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และสำคัญมากในระดับ HSK 4 ใช้เพื่อเน้นว่า “กรรม” ของประโยคถูกประธาน “จัดการ” หรือ “กระทำ” อย่างไร โดยจะดึงกรรมมาวางไว้หน้ากริยา โครงสร้างคือ ประธาน + + กรรม + กริยา + ส่วนเสริมอื่นๆ เช่น 作业做完了 (Wǒ zuòyè zuòwán le – ฉันทำการบ้านเสร็จแล้ว)
  • ประโยคเปรียบเทียบที่ซับซ้อนขึ้น:
    • $A + + B +$ คุณศัพท์ + 一点儿/一些/得多/多了 เพื่อบอกว่า A เหนือกว่า B เล็กน้อย หรือมากกว่าเยอะ เช่น 今天比昨天热得多 (Jīntiān bǐ zuótiān rè de duō – วันนี้ร้อนกว่าเมื่อวานเยอะเลย)
    • $A + /没有 + B + (这么/那么) +$ คุณศัพท์ เพื่อเปรียบเทียบว่า A เท่ากับ/ไม่เท่ากับ B เช่น 没有我高 (Tā méiyǒu wǒ gāo – เขาไม่สูงเท่าฉัน)
  • คำเชื่อมและคำศัพท์คู่ที่ต้องแยกแยะ:
    • 还是 (háishi) vs 或者 (huòzhě): ทั้งคู่แปลว่า “หรือ” แต่ 还是 ใช้ในประโยคคำถามให้เลือก ส่วน 或者 ใช้ในประโยคบอกเล่า
    • 虽然但是… (suīrán…dànshì…): โครงสร้าง “ถึงแม้ว่า…แต่ว่า…” ใช้แสดงความขัดแย้ง
    • 往往 (wǎngwǎng) vs 常常 (chángcháng): ทั้งคู่แปลว่า “มักจะ/บ่อยๆ” แต่ 往往 ใช้กับเรื่องที่เป็นกิจวัตร มีกฎเกณฑ์หรือเงื่อนไขที่ชัดเจน และมักใช้กับเรื่องในอดีต ส่วน 常常 ใช้ได้ทั่วไปกว่า ไม่มีเงื่อนไขตายตัว และใช้กับอนาคตได้
    • 本来 (běnlái) vs 原来 (yuánlái): ทั้งคู่แปลว่า “เดิมที” แต่ 本来 ยังมีความหมายว่า “ควรจะเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว” ส่วน 原来 มีความหมายพิเศษว่า “ที่แท้ก็…” ใช้เมื่อเพิ่งค้นพบความจริงบางอย่าง
  • โครงสร้างเฉพาะ:
    • Location + V着 + Noun: โครงสร้างนี้ใช้อธิบายว่ามีบางสิ่งบางอย่างตั้งอยู่ ณ ที่แห่งนั้น และยังคงสภาพนั้นอยู่ เช่น 桌子上放一本书 (Zhuōzi shàng fàngzhe yì běn shū – บนโต๊ะมีหนังสือวางอยู่ 1 เล่ม)
    • การใช้ (de): เป็นคำช่วยโครงสร้างที่ใช้วางหลังคำวิเศษณ์ (Adverb) เพื่อเชื่อมกับคำกริยาที่มันไปขยาย มีความหมายว่า “อย่าง…” เช่น 他高兴 (Tā gāoxìngde shuō – เขาพูดอย่างมีความสุข)

 

คำศัพท์และวลีที่ควรรู้ HSK 3-4

ตัวอักษรจีนPinyinคำอ่านภาษาไทยคำแปล
ป่า(คำบุพบท) นำ, เอา
bèiเป้ยถูก (กระทำ)
为了wèileเว่ยเลอเพื่อที่จะ
wánหวานเสร็จ, จบ (บทเสริมบอกผล)
dǒngต่งเข้าใจ (บทเสริมบอกผล)
清楚qīngchuชิงฉู่ชัดเจน (บทเสริมบอกผล)
deเตอ(คำช่วย) ใช้ในบทเสริมบอกระดับ
比较bǐjiàoปี่เจี้ยวค่อนข้าง
虽然但是suīrán…dànshì…ซุยหราน…ตั้นชื่อ…ถึงแม้ว่า…แต่ว่า…
如果rúguǒ…jiù…หรูกั่ว…จิ้ว…ถ้าหาก…ก็…
还是háishiหายชื่อหรือ (ใช้ในประโยคคำถาม)
或者huòzhěฮั่วเจ่อหรือ (ใช้ในประโยคบอกเล่า)
相同xiāngtóngเซียงถงเหมือนกัน
环境huánjìngหวนจิ้งสิ่งแวดล้อม
影响yǐngxiǎngอิ่งเสียงผลกระทบ, ส่งผลกระทบ
习惯xíguànสีกว้านความเคยชิน, นิสัย
经理jīnglǐจิงหลี่ผู้จัดการ
邻居línjūหลินจวีเพื่อนบ้าน
办公室bàngōngshìป้านกงชื่อออฟฟิศ, สำนักงาน
电梯diàntīเตี้ยนทีลิฟต์
空调kōngtiáoคงเถียวเครื่องปรับอากาศ
冰箱bīngxiāngปิงเซียงตู้เย็น
菜单càidānไช่ตานเมนูอาหาร
护照hùzhàoฮู่จ้าวหนังสือเดินทาง
终于zhōngyúจงอี๋ว์ในที่สุด
必须bìxūปี้ซวีต้อง, จำเป็นต้อง
害怕hàipàไห้พ่ากลัว
满意mǎnyìหม่านอี้พอใจ
认真rènzhēnเริ่นเจินจริงจัง, ตั้งใจ
热情rèqíngเร่อฉิงกระตือรือร้น, อบอุ่น
安排ānpáiอันผายจัดการ, จัดเตรียม
保护bǎohùเป่าหู้ปกป้อง, คุ้มครอง
保证bǎozhèngเป่าเจิ้งรับประกัน, รับรอง
报道bàodàoเป้าเต้ารายงานข่าว
报名bàomíngเป้าหมิงสมัคร
抱歉bàoqiànเป้าเชี่ยนขอโทษ
毕业bìyèปี้เย่จบการศึกษา
biànเปี้ยนรอบ (ลักษณะนาม)
标准biāozhǔnเปียวจุ่นมาตรฐาน
表达biǎodáเปี่ยวต๋าแสดงออก (ความคิด, ความรู้สึก)

 

HSK ระดับ 5-6 ภาษาจีนระดับสูง สู่ความสละสลวยและเป็นธรรมชาติ

นี่คือการก้าวกระโดดครั้งสุดท้ายและครั้งที่ใหญ่ที่สุด การสอบ HSK 5-6 ไม่ได้วัดแค่ความสามารถในการสื่อสารอีกต่อไป แต่วัดความสามารถในการใช้ภาษาจีนเพื่อ “คิดวิเคราะห์” และ “แสดงออกในเรื่องที่เป็นนามธรรม” ไวยากรณ์ในระดับนี้จะเน้นภาษาที่เป็นทางการ ภาษาเขียน และความสามารถในการทำความเข้าใจบทความที่ซับซ้อน เช่น ข่าว สารคดี หรือบทความวิชาการ

ในระดับนี้ ไวยากรณ์และคำศัพท์จะหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันอย่างแยกไม่ออก คุณไม่สามารถเรียนโครงสร้างไวยากรณ์โดยไม่รู้จักคำศัพท์เฉพาะที่มากับมันได้อีกต่อไป เช่น โครงสร้าง 固然…但是… (gùrán…dànshì…) จะไร้ความหมายถ้าคุณไม่รู้จักคำว่า 固然 (gùrán) นี่คือเหตุผลที่ผู้เรียนในระดับนี้ต้องทุ่มเทให้กับการขยายคลังศัพท์อย่างมหาศาล บทบาทของคุณจะเปลี่ยนจาก “นักเล่าเรื่อง” ไปเป็น “นักวิเคราะห์” หรือ “นักโต้วาที” ที่ต้องใช้เครื่องมือทางภาษาที่ซับซ้อนและแม่นยำเพื่อสร้างบทสนทนาเชิงตรรกะและนำเสนอความคิดเห็นอย่างมีโครงสร้าง

 

หัวใจไวยากรณ์ HSK 5-6

  • คลังคำเชื่อมขนาดใหญ่เพื่อแสดงความสัมพันธ์เชิงตรรกะ: นี่คือหัวใจสำคัญของ HSK 5-6 ที่ใช้ในการสร้างประโยคความซ้อนที่ซับซ้อนและเป็นทางการ
    • 不管…/… (bùguǎn…dōu/yě…): “ไม่ว่าจะ…ก็ตาม” ใช้แสดงว่าผลลัพธ์จะไม่เปลี่ยนแปลงไม่ว่าเงื่อนไขจะเป็นอย่างไร
    • 哪怕…… (nǎpà…yě…): “ต่อให้…ก็…” ใช้แสดงการสมมติในสถานการณ์ที่ค่อนข้างสุดโต่ง แต่ผลลัพธ์ยังคงเดิม
    • 既然…… (jìrán…jiù…): “ในเมื่อ…ก็…” ใช้แสดงเหตุและผลที่ตามมาอย่างสมเหตุสมผล
    • 固然…但是… (gùrán…dànshì…): “จริงอยู่ที่ว่า…แต่…” เป็นภาษาเขียน ใช้ยอมรับความจริงข้อหนึ่งก่อนจะเสนอความเห็นที่ต่างออกไป
    • 之所以…是因为… (zhīsuǒyǐ…shìyīnwèi…): “สาเหตุที่…เป็นเพราะว่า…” ใช้เน้นย้ำถึงสาเหตุของเรื่องราว
  • โครงสร้างไวยากรณ์ขั้นสูงที่สมบูรณ์แบบ:
    • การใช้ (le…le): ใช้เพื่อบอกการกระทำที่เริ่มต้นในอดีตและยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น 我学两年汉语 (Wǒ xuéle liǎng nián Hànyǔ le – ฉันเรียนภาษาจีนมา 2 ปีแล้ว (และตอนนี้ก็ยังเรียนอยู่))
    • การใช้ (bǎ) และ (bèi) ที่ซับซ้อน: เช่น การใช้ ในประโยคปฏิเสธ (没有把那本书拿走 – เขาไม่ได้เอาหนังสือเล่มนั้นไป) หรือการใช้ในโครงสร้างที่มีกรรมซ้อน (那本书送他了 – ฉันเอาหนังสือเล่มนั้นให้เขาไปแล้ว)
  • ภาษาเขียน (书面语) และสำนวน (成语):
    • ภาษาเขียน: คุณจะต้องคุ้นเคยกับการใช้คำที่เป็นทางการมากขึ้น เช่น ใช้ 此外 (cǐwài) แทน 还有 (háiyǒu) ที่แปลว่า “นอกจากนี้”, หรือใช้ 从而 (cóng’ér) แทน 所以 (suǒyǐ) ที่แปลว่า “ดังนั้น”
    • สำนวนจีน (成语): การทำความเข้าใจและสามารถใช้สำนวนจีน 4 ตัวอักษรเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในระดับนี้ เพราะมันคือทางลัดในการแสดงแนวคิดที่ซับซ้อนและสะท้อนความเข้าใจในวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง
  • การแยกแยะคำที่มีความหมายใกล้เคียง (近义词辨析): ความสามารถนี้จะถูกทดสอบอย่างเข้มข้น คุณต้องอธิบายความแตกต่างของคำที่แปลเหมือนกันแต่มีการใช้งานที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงได้ เช่น การแยกแยะระหว่าง 自己 (zìjǐ), 自身 (zìshēn), และ 自我 (zìwǒ) ซึ่งล้วนเกี่ยวข้องกับ “ตัวเอง” แต่ใช้ในบริบททางปรัชญา สังคม และส่วนตัวที่แตกต่างกัน

 

คำศัพท์และวลีที่ควรรู้ HSK 5-6

ตัวอักษรจีนPinyinคำอ่านภาษาไทยคำแปลและคำอธิบาย
คำเชื่อมและไวยากรณ์
毕竟bìjìngปี้จิ้งอย่างไรก็ตาม, ถึงอย่างไรก็
不管bùguǎnปู้ก่วนไม่ว่าจะ
从而cóng’érฉงเอ๋อร์ดังนั้น, จึง (ภาษาเขียน)
反而fǎn’érฝ่านเอ๋อร์กลับ…เสียอีก
固然gùránกู้หรานจริงอยู่ที่ว่า… (ภาษาเขียน)
何况hékuàngเหอค่วงนับประสาอะไรกับ
既然jìránจี้หรานในเมื่อ
假如jiǎrúเจี่ยหรูถ้าหากว่า (เป็นทางการกว่า 如果)
哪怕nǎpàหน่าพ่าต่อให้, แม้ว่า
除非chúfēiฉูเฟยเว้นแต่, นอกจากว่า
于是yúshìอี๋ว์ชื่อดังนั้น, ด้วยเหตุนี้
至于zhìyúจื้ออี๋ว์ส่วนเรื่อง…, สำหรับ…
之所以…是因为…zhīsuǒyǐ…shìyīnwèi…จือสัวอี่…ชื่ออินเว่ย…สาเหตุที่…เป็นเพราะว่า…
คำศัพท์ภาษาเขียน
āiไอ(คำอุทาน) แสดงความผิดหวังหรือเสียใจ
爱护àihùอ้ายหู้รักและปกป้อง
爱惜àixīอ้ายซีรักและทะนุถนอม
安慰ānwèiอันเว่ยปลอบใจ
把握bǎwòป่าวั่วคว้าเอาไว้, ความมั่นใจ
办理bànlǐป้านหลี่จัดการ, ดำเนินการ
傍晚bàngwǎnป้างหว่านพลบค่ำ, ตอนเย็น
包含bāohánเปาหานรวมทั้ง, ประกอบด้วย
宝贝bǎobèiเป่าเป้ยของล้ำค่า, ที่รัก
宝贵bǎoguìเป่ากุ้ยล้ำค่า, มีคุณค่า
保持bǎochíเป่าฉือรักษาให้คงอยู่
保存bǎocúnเป่าฉุนเก็บรักษา
保留bǎoliúเป่าหลิวสงวนไว้, เก็บไว้
保险bǎoxiǎnเป่าเสี่ยนประกันภัย, ปลอดภัย
报告bàogàoเป้าเก้ารายงาน
悲观bēiguānเปยกวานมองโลกในแง่ร้าย
背景bèijǐngเป้ยจิ่งฉากหลัง, ภูมิหลัง
必然bìránปี้หรานอย่างแน่นอน, หลีกเลี่ยงไม่ได้
必要bìyàoปี้เย่าจำเป็น
从而cóng’érฉงเอ๋อร์ดังนั้น, จึง
สำนวนจีน (成语)
爱不释手àibúshìshǒuอ้ายปู๋ซื่อโส่วชอบมากจนวางไม่ลง
半途而废bàntú’érfèiป้านถูเอ๋อร์เฟ่ยล้มเลิกกลางคัน
不可思议bùkěsīyìปู้เข่อซืออี้เหลือเชื่อ, ไม่น่าเชื่อ
对牛弹琴duìniútánqínตุ้ยหนิวถันฉินสีซอให้ควายฟัง (พูดกับคนที่ไม่เข้าใจ)
画蛇添足huàshétiānzúฮว่าเสอเทียนจู๋วาดงูเติมขา (ทำเรื่องเกินความจำเป็น)
乱七八糟luànqībāzāoล่วนชีปาเจาสับสนวุ่นวาย, เละเทะ
莫名其妙mòmíngqímiàoโม่หมิงฉีเมี่ยวงงเป็นไก่ตาแตก, ไม่รู้ว่าเพราะอะไร
全力以赴quánlìyǐfùฉวนลี่อี่ฟู่ทุ่มเทสุดความสามารถ
讨价还价tǎojiàhuánjiàถ่าวเจี้ยหวนเจี้ยต่อรองราคา
谢天谢地xiètiānxièdìเซี่ยเทียนเซี่ยตี้ขอบคุณฟ้าขอบคุณดิน (โล่งอกไปที)

 

บทสรุปและก้าวต่อไปบนเส้นทางภาษาจีน

การเดินทางผ่านไวยากรณ์ HSK ทั้ง 6 ระดับคือการเดินทางแห่งการเติบโตทางภาษาอย่างแท้จริง คุณเริ่มต้นจากการเป็นผู้เรียนที่ค่อยๆ ประกอบ “ชิ้นส่วนเลโก้” เพื่อสร้างประโยคพื้นฐานในระดับ 1-2 จากนั้นพัฒนาไปสู่การเป็น “นักเล่าเรื่อง” ที่สามารถบรรยายเหตุการณ์ได้อย่างมีสีสันในระดับ 3-4 และท้ายที่สุด คุณก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็น “นักวิเคราะห์” ที่สามารถใช้ภาษาเพื่อแสดงความคิดเห็นเชิงลึกและซับซ้อนในระดับ 5-6

สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ แต่ละระดับนั้นเชื่อมโยงและต่อยอดกัน ความเข้าใจในไวยากรณ์ระดับต้นคือฐานที่มั่นคงสำหรับการเรียนรู้โครงสร้างที่ซับซ้อนในระดับสูง ความสำเร็จในการพิชิต HSK จึงไม่ได้มาจากการท่องจำกฎอย่างเดียว แต่มาจากการทำความเข้าใจตรรกะเบื้องหลังการพัฒนานี้ การฝึกฝนทำข้อสอบเก่าอย่างสม่ำเสมอ และที่สำคัญที่สุดคือการนำความรู้ไปใช้จริงในชีวิตประจำวัน ขอให้ทุกคนสนุกกับการเดินทางบนเส้นทางภาษาจีนและประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจไว้ 加油 (jiāyóu)

You may also like